รถยุโรป VS รถญี่ปุ่น : เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียพร้อมยี่ห้อยอดฮิต

รถยุโรป และ รถญี่ปุ่น มีความแตกต่างอย่างไร เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแบรนด์รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง รถสัญชาติแบบไหนเหมาะกับไลฟ์สไตล์เรา ไปดูกัน

CARS24
CARS24
| อ่าน 2 นาที

เมื่อพูดถึงรถยนต์ รถยุโรป กับรถญี่ปุ่นมักถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอๆ โดยทั้งแบรนด์จากฝั่งยุโรปและฝั่งญี่ปุ่นก็ต่างมีจุดเด่นและข้อดี-ข้อด้อยที่แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน ในบทความวันนี้ CARS24 เราจะพาเพื่อนๆ มาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของรถยุโรปและรถญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

รถยุโรป แตกต่างจากรถญี่ปุ่นอย่างไร

รถยุโรป รถญี่ปุ่น แตกต่างกันอย่างไร

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของรถยุโรปและรถญี่ปุ่น คือรถยุโรปมักจะมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตและเทคโนโลยีที่สูงกว่า รถยุโรปบางรุ่นอาจมีราคาสูงถึงหลายสิบล้านบาท ขณะที่รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคาเริ่มต้นไม่ถึงหนึ่งล้านบาท

รถยุโรป มีข้อดี จุดเด่นตรงไหนบ้าง?

1.) สมรรถนะ

แบรนด์รถยุโรปอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, ออดี้ และปอร์เช่ ใช้เทคโนโลยีชั้นนำในการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้รถมีสมรรถนะที่โดดเด่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ตอบสนองการใช้งานได้ดี และช่วงล่างเหนือที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่รถแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า นิสสัน และฮอนด้า มักออกแบบโดยเน้นประสิทธิภาพการใช้งานและความประหยัด มากกว่าสมรรถนะสูงสุด

2.) เทคโนโลยี

รถยุโรปหลายรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกล้ำยุคมากมาย เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ เป็นต้น ในทางกลับกัน รถญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีด้านการประหยัดน้ำมันมากกว่า เช่น ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เป็นต้น ทั้งนี้ก็มีสาเหตุมาจากด้านต้นทุนการผลิตของรถญี่ปุ่นที่ต่ำกว่า และจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่ารถยุโรปอยู่มาก เพราะเน้นเจาะตลาดคนใช้รถทั่วไป เน้นราคาคุ้มค่ามากกว่า

5 รถยุโรป มียี่ห้ออะไรบ้างที่ฮิตในไทย

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง bmw

1.) บีเอ็มดับเบิลยู (BMW)

หากพูดถึงแบรนด์รถยุโรปสัญชาติเยอรมันยอดนิยมของคนไทย อันดับต้นๆ ก็คงหนีไม่พ้น BMW ที่ทุกๆ รุ่นของแบรนด์นี้มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย สปอร์ตและโดดเด่นกว่าใคร ลงตัวในทุกๆ ด้าน หลายคนยกให้เป็นแบรนด์ที่ออกแบบรถมาได้ดีเยี่ยมและยังขับขี่สนุกอีกด้วย ปัจจุบันในไทยมีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์สันดาป, ไฟฟ้า 100% และไฮบริด รุ่นยอดนิยม ได้แก่ BMW X1 มือสอง, BMW 220i Gran Coupe M Sport และ BMW 330e M Sport เป็นต้น

เช็คราคา BMW มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง volvo

2.) วอลโว (Volvo)

แบรนด์รถยนต์สัญชาติสวีเดน ที่สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานและได้รับความนิยมทั่วโลก ยืนหนึ่งด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยของตัวรถ ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่และผู้โดยสารมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยรถยนต์ Volvo ที่วางขายในไทยเริ่มต้นเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้น และมีให้เลือกทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในไทย ได้แก่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric, Volvo EX30 และ Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นต้น

เช็คราคา Volvo มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง mercedes benz

3.) Mercedes-Benz (เมอร์ซิเดส เบนซ์)

รถยุโรปที่มาพร้อมดีไซน์หรูหราสวยงามกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็ต้องยกให้ Mercedes-Benz แบรนด์สัญชาติเยอรมันอีกแบรนด์ที่ทำยอดขายในไทยมาแล้วนับไม่ถ้วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นนอกจากความหรูหราทั้งภายใน-ภายนอกตัวรถแล้ว อีกจุดคือเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่เรื่อยมา เอาใจสาวกเบนซ์ได้ดีเยี่ยม รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ A-Class, GLS, CLS และ GLC เป็นต้น

เช็คราคา Mercedes-Benz มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง audi

4.) อาวดี้ (Audi)

อีกหนึ่งแบรนด์รถยุโรปสัญชาติเยอรมันแท้ๆ ที่มีคอนเซปต์เน้นเทคโนโลยี การขับขี่ และดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร Audi สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ตัวเองด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีชื่อว่า Quattro รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Audi A3, Audi A4, Audi A7, Audi TT และ Audi e-Tron เป็นต้น ปัจจุบันรถยนต์ Audi มีราคาจำหน่ายในไทยเริ่มต้นที่ประมาณ 2.4 ล้านบาทเท่านั้น

เช็คราคา Audi มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง porsche

5.) ปอร์เช่ (Porsche)

แบรนด์รถหรูสัญชาติเยอรมันที่ครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยการออกแบบที่เป็นอมตะ เปิดตัวมากี่รุ่นก็ต้องเป็นที่พูดถึง โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นตำนานอย่าง Porsche 911 ที่เป็นหนึ่งใน DNA ของแบรนด์นี้ จุดที่แตกต่างของ Porsche ที่แตกต่างจากทั้ง 4 แบรนด์ที่เรากล่าวมาข้างต้น ก็คือราคาวางจำหน่าย ที่มักสูงกว่ารถยุโรปแบรนด์อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นแล้ว Porsche จึงเป็นรถที่ให้ภาพลักษณ์ความหรูหรา พรีเมียม มากกว่าใครเพื่อน รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Porsche Cayenne, Porsche 911, Porsche 718 และ Porsche Macan เป็นต้น

รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้างที่ฮิตในไทย

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง toyota

1.) โตโยต้า (Toyota)

โตโยต้าคือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบรถยนต์ที่มีคุณภาพการผลิตสูง ทนทาน ประหยัดน้ำมัน และมีราคาไม่แพง นอกจากนี้โตโยต้ายังเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีรถสมัยใหม่อีกด้วย เช่น เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์พลังงานทางเลือก เป็นต้น ปัจจุบันนี้แบรนด์โตโยต้าก็ยังคงเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยแทบทุกปี รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Toyota Yaris ATIV มือสอง, Toyota Corolla Altis มือสอง, Toyota Camry มือสอง, Toyota Fortuner มือสอง, Toyota Revo มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง nissan

2.) นิสสัน (Nissan)

นิสสันเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น มีไลน์รถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วนและหลากหลาย ทั้งรถเล็กประหยัดน้ำมันอย่าง Nissan Almera มือสอง และ Nissan March มือสอง รถกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง Nissan Navara รถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับตำนานอย่าง Nissan Z และ Nissan GT-R เป็นต้น ปัจจุบันรุ่นที่ทำยอดขายในไทยได้ดี ได้แก่ Nissan Almera, Nissan Kicks, Nissan Navara และ Nissan Note มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง honda

3.) ฮอนด้า (Honda)

รถญี่ปุ่นขวัญใจคนไทยอีกหนึ่งแบรนด์อย่างฮอนด้า โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์มาอย่างยาวนาน เช่น ระบบเครื่องยนต์ i-VTEC ที่ช่วยประหยัดน้ำมันและมอบสมรรถนะสูง หลายคนที่เป็นสาวกแบรนด์ฮอนด้านั้นมักจะชื่นชอบดีไซน์ตัวรถที่มีความวัยรุ่น ดูสปอร์ต และค่อนข้างทันสมัยไม่ตกยุคง่ายๆ ฮอนด้ามีรถรุ่นยอดนิยมในไทยมากมาย ได้แก่ Honda Civic มือสอง, Honda CR-V มือสอง, Honda Jazz มือสอง และ Honda Accord มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง mazda

4.) มาสด้า (Mazda)

ถ้ามีชื่อของโตโยต้า, ฮอนด้า และนิสสัน รถญี่ปุ่นแท้ๆ อีกแบรนด์ที่ยังคงทำยอดขายได้เรื่อยๆ ทุกปีนั่นก็คือ มาสด้า นั่นเอง รถมาสด้ามีจุดเด่นที่แตกต่างด้วยการออกแบบผ่านแนวคิด Kodo Design เน้นความทันสมัย เรียบง่าย มีเส้นสายรอบตัวรถที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้ว สิ่งขึ้นชื่ออีกเรื่องของมาสด้า คือฟีลลิ่งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างที่เกาะถนนได้ดี พวงมาลัยที่บังคับได้อย่างแม่นยำ เป็นรถญี่ปุ่นราคาประหยัดที่ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบรถที่ขับสนุก รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Mazda 3 มือสอง, Mazda 2 มือสอง, Mazda CX-30 มือสอง และ Mazda CX-5 มือสอง เป็นต้น

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ก็พอจะทำให้เราเห็นได้ถึงข้อดีและข้อด้อยของ รถยุโรป และรถญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีมากกว่าเรื่องของราคาและเทคโนโลยี ทั้งนี้จุดสำคัญในการเลือกซื้อรถยุโรป ก็คือเรื่องงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการดูแลรถยนต์ ที่จะมากกว่าการดูแลรถญี่ปุ่นอยู่หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ และราคาอะไหล่รถยนต์ที่สูงขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >>>> 5 รถญี่ปุ่นน่าใช้ เน้นเทคโนโลยีความปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน

สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.




เมื่อพูดถึงรถยนต์ รถยุโรป กับรถญี่ปุ่นมักถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอๆ โดยทั้งแบรนด์จากฝั่งยุโรปและฝั่งญี่ปุ่นก็ต่างมีจุดเด่นและข้อดี-ข้อด้อยที่แตกต่างกันไปในแต่ละด้าน ในบทความวันนี้ CARS24 เราจะพาเพื่อนๆ มาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของรถยุโรปและรถญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อรถยนต์ได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

รถยุโรป แตกต่างจากรถญี่ปุ่นอย่างไร

รถยุโรป รถญี่ปุ่น แตกต่างกันอย่างไร

สิ่งที่ชัดเจนที่สุดของรถยุโรปและรถญี่ปุ่น คือรถยุโรปมักจะมีราคาสูงกว่ารถญี่ปุ่นอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการผลิตและเทคโนโลยีที่สูงกว่า รถยุโรปบางรุ่นอาจมีราคาสูงถึงหลายสิบล้านบาท ขณะที่รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับราคาเริ่มต้นไม่ถึงหนึ่งล้านบาท

รถยุโรป มีข้อดี จุดเด่นตรงไหนบ้าง?

1.) สมรรถนะ

แบรนด์รถยุโรปอย่าง เมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, ออดี้ และปอร์เช่ ใช้เทคโนโลยีชั้นนำในการพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้รถมีสมรรถนะที่โดดเด่นกว่า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ตอบสนองการใช้งานได้ดี และช่วงล่างเหนือที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่รถแบรนด์ญี่ปุ่น เช่น โตโยต้า นิสสัน และฮอนด้า มักออกแบบโดยเน้นประสิทธิภาพการใช้งานและความประหยัด มากกว่าสมรรถนะสูงสุด

2.) เทคโนโลยี

รถยุโรปหลายรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกล้ำยุคมากมาย เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ เป็นต้น ในทางกลับกัน รถญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีด้านการประหยัดน้ำมันมากกว่า เช่น ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เป็นต้น ทั้งนี้ก็มีสาเหตุมาจากด้านต้นทุนการผลิตของรถญี่ปุ่นที่ต่ำกว่า และจำหน่ายในราคาที่ต่ำกว่ารถยุโรปอยู่มาก เพราะเน้นเจาะตลาดคนใช้รถทั่วไป เน้นราคาคุ้มค่ามากกว่า

5 รถยุโรป มียี่ห้ออะไรบ้างที่ฮิตในไทย

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง bmw

1.) บีเอ็มดับเบิลยู (BMW)

หากพูดถึงแบรนด์รถยุโรปสัญชาติเยอรมันยอดนิยมของคนไทย อันดับต้นๆ ก็คงหนีไม่พ้น BMW ที่ทุกๆ รุ่นของแบรนด์นี้มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย สปอร์ตและโดดเด่นกว่าใคร ลงตัวในทุกๆ ด้าน หลายคนยกให้เป็นแบรนด์ที่ออกแบบรถมาได้ดีเยี่ยมและยังขับขี่สนุกอีกด้วย ปัจจุบันในไทยมีให้เลือกทั้งรุ่นเครื่องยนต์สันดาป, ไฟฟ้า 100% และไฮบริด รุ่นยอดนิยม ได้แก่ BMW X1 มือสอง, BMW 220i Gran Coupe M Sport และ BMW 330e M Sport เป็นต้น

เช็คราคา BMW มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง volvo

2.) วอลโว (Volvo)

แบรนด์รถยนต์สัญชาติสวีเดน ที่สร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานและได้รับความนิยมทั่วโลก ยืนหนึ่งด้วยจุดเด่นด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยของตัวรถ ที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่และผู้โดยสารมาแล้วนับไม่ถ้วน โดยรถยนต์ Volvo ที่วางขายในไทยเริ่มต้นเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้น และมีให้เลือกทั้งรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมในไทย ได้แก่ Volvo XC40 Recharge Pure Electric, Volvo EX30 และ Volvo XC60 Recharge Plug-in Hybrid เป็นต้น

เช็คราคา Volvo มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง mercedes benz

3.) Mercedes-Benz (เมอร์ซิเดส เบนซ์)

รถยุโรปที่มาพร้อมดีไซน์หรูหราสวยงามกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็ต้องยกให้ Mercedes-Benz แบรนด์สัญชาติเยอรมันอีกแบรนด์ที่ทำยอดขายในไทยมาแล้วนับไม่ถ้วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จุดเด่นนอกจากความหรูหราทั้งภายใน-ภายนอกตัวรถแล้ว อีกจุดคือเทคโนโลยีที่พัฒนาอยู่เรื่อยมา เอาใจสาวกเบนซ์ได้ดีเยี่ยม รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ A-Class, GLS, CLS และ GLC เป็นต้น

เช็คราคา Mercedes-Benz มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง audi

4.) อาวดี้ (Audi)

อีกหนึ่งแบรนด์รถยุโรปสัญชาติเยอรมันแท้ๆ ที่มีคอนเซปต์เน้นเทคโนโลยี การขับขี่ และดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร Audi สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ตัวเองด้วยเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีชื่อว่า Quattro รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Audi A3, Audi A4, Audi A7, Audi TT และ Audi e-Tron เป็นต้น ปัจจุบันรถยนต์ Audi มีราคาจำหน่ายในไทยเริ่มต้นที่ประมาณ 2.4 ล้านบาทเท่านั้น

เช็คราคา Audi มือสอง สภาพดี คุณภาพเยี่ยมได้ที่ CARS24

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง porsche

5.) ปอร์เช่ (Porsche)

แบรนด์รถหรูสัญชาติเยอรมันที่ครองใจคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยการออกแบบที่เป็นอมตะ เปิดตัวมากี่รุ่นก็ต้องเป็นที่พูดถึง โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นตำนานอย่าง Porsche 911 ที่เป็นหนึ่งใน DNA ของแบรนด์นี้ จุดที่แตกต่างของ Porsche ที่แตกต่างจากทั้ง 4 แบรนด์ที่เรากล่าวมาข้างต้น ก็คือราคาวางจำหน่าย ที่มักสูงกว่ารถยุโรปแบรนด์อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นแล้ว Porsche จึงเป็นรถที่ให้ภาพลักษณ์ความหรูหรา พรีเมียม มากกว่าใครเพื่อน รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Porsche Cayenne, Porsche 911, Porsche 718 และ Porsche Macan เป็นต้น

รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้างที่ฮิตในไทย

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง toyota

1.) โตโยต้า (Toyota)

โตโยต้าคือหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบรถยนต์ที่มีคุณภาพการผลิตสูง ทนทาน ประหยัดน้ำมัน และมีราคาไม่แพง นอกจากนี้โตโยต้ายังเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีรถสมัยใหม่อีกด้วย เช่น เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮบริด และรถยนต์พลังงานทางเลือก เป็นต้น ปัจจุบันนี้แบรนด์โตโยต้าก็ยังคงเป็นแบรนด์รถญี่ปุ่นที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยแทบทุกปี รุ่นยอดนิยม ได้แก่ Toyota Yaris ATIV มือสอง, Toyota Corolla Altis มือสอง, Toyota Camry มือสอง, Toyota Fortuner มือสอง, Toyota Revo มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง nissan

2.) นิสสัน (Nissan)

นิสสันเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น มีไลน์รถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วนและหลากหลาย ทั้งรถเล็กประหยัดน้ำมันอย่าง Nissan Almera มือสอง และ Nissan March มือสอง รถกระบะพันธุ์แกร่งอย่าง Nissan Navara รถสปอร์ตสมรรถนะสูงระดับตำนานอย่าง Nissan Z และ Nissan GT-R เป็นต้น ปัจจุบันรุ่นที่ทำยอดขายในไทยได้ดี ได้แก่ Nissan Almera, Nissan Kicks, Nissan Navara และ Nissan Note มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง honda

3.) ฮอนด้า (Honda)

รถญี่ปุ่นขวัญใจคนไทยอีกหนึ่งแบรนด์อย่างฮอนด้า โดดเด่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยียานยนต์มาอย่างยาวนาน เช่น ระบบเครื่องยนต์ i-VTEC ที่ช่วยประหยัดน้ำมันและมอบสมรรถนะสูง หลายคนที่เป็นสาวกแบรนด์ฮอนด้านั้นมักจะชื่นชอบดีไซน์ตัวรถที่มีความวัยรุ่น ดูสปอร์ต และค่อนข้างทันสมัยไม่ตกยุคง่ายๆ ฮอนด้ามีรถรุ่นยอดนิยมในไทยมากมาย ได้แก่ Honda Civic มือสอง, Honda CR-V มือสอง, Honda Jazz มือสอง และ Honda Accord มือสอง เป็นต้น

รถยุโรป รถญี่ปุ่น มียี่ห้ออะไรบ้าง mazda

4.) มาสด้า (Mazda)

ถ้ามีชื่อของโตโยต้า, ฮอนด้า และนิสสัน รถญี่ปุ่นแท้ๆ อีกแบรนด์ที่ยังคงทำยอดขายได้เรื่อยๆ ทุกปีนั่นก็คือ มาสด้า นั่นเอง รถมาสด้ามีจุดเด่นที่แตกต่างด้วยการออกแบบผ่านแนวคิด Kodo Design เน้นความทันสมัย เรียบง่าย มีเส้นสายรอบตัวรถที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้ว สิ่งขึ้นชื่ออีกเรื่องของมาสด้า คือฟีลลิ่งการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างที่เกาะถนนได้ดี พวงมาลัยที่บังคับได้อย่างแม่นยำ เป็นรถญี่ปุ่นราคาประหยัดที่ตอบโจทย์คนที่ชื่นชอบรถที่ขับสนุก รุ่นยอดนิยมในไทย ได้แก่ Mazda 3 มือสอง, Mazda 2 มือสอง, Mazda CX-30 มือสอง และ Mazda CX-5 มือสอง เป็นต้น

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ก็พอจะทำให้เราเห็นได้ถึงข้อดีและข้อด้อยของ รถยุโรป และรถญี่ปุ่นในปัจจุบันที่มีมากกว่าเรื่องของราคาและเทคโนโลยี ทั้งนี้จุดสำคัญในการเลือกซื้อรถยุโรป ก็คือเรื่องงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการดูแลรถยนต์ ที่จะมากกว่าการดูแลรถญี่ปุ่นอยู่หลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ และราคาอะไหล่รถยนต์ที่สูงขึ้น

อ่านเพิ่มเติม >>>> 5 รถญี่ปุ่นน่าใช้ เน้นเทคโนโลยีความปลอดภัย และประหยัดน้ำมัน

สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.




อ่านเพิ่มเติม