เสริมดวงปังรับต้นปี! ขับรถไหว้พระ 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ในอยุธยา วันเดียวก็เที่ยวได้

CARS24
CARS24
| อ่าน 2 นาที

ทริปทำบุญไหว้พระ 9 วัดในอยุธยา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวรู้ใจสายบุญและคนทั่วโลก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าใกล้กรุงที่เที่ยวได้ตลอดปี เพราะขับรถจากกรุงเทพฯ ราวชั่วโมงเดียวก็ไปเที่ยวอยุธยาได้แล้ว อาหารการกินและคาเฟ่เก๋ ๆ ก็มีให้เช็คอินมากมาย ไหนจะวัดวาอารามเก่าแก่และหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีให้ขอพรกันครบทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก CARS24 รวบตึง 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่แน่นด้วยประวัติศาสตร์และศาสนสถานอันสวยงาม ให้คุณขับรถเที่ยวตามรอยเช็คอินกันได้แบบชิลล์ ๆ วันหยุดนี้ต้องจัด!

1. วัดใหญ่ชัยมงคล

ประเดิมวัดแรกด้วยการขอพรให้ประสบความสำเร็จและเสริมดวงเมตตามหานิยมกันที่ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เดิมมีชื่อว่า ‘สำนักสงฆ์ป่าแก้ว’ ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสถาปนาเป็นพระอารามใน พ.ศ.1900 และพระราชทานนามใหม่ว่า ‘วัดป่าแก้ว’ เป็นวัดที่มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่สูงที่สุดในอยุธยา ทั้งยังเป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในศึกยุทธหัตถีและพระราชทานนามว่า ‘เจดีย์ชัยมงคล’ ให้ผู้คนสักการะบูชาและขอพรให้ประสบความสำเร็จทุกประการ ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนวัดใหญ่ชัยมงคล ที่เชื่อกันว่าขอพรเรื่องอภัยทานและเมตตามหานิยม แล้วจะเป็นที่รักและชื่นชมของผู้หลักผู้ใหญ่นั่นเอง

เส้นทาง: https://bit.ly/3FZS4qw

เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม: ชาวไทยเข้าชมฟรี / ชาวต่างประเทศ 20 บาท

2. วัดมหาธาตุ

หนึ่งในแลนด์มาร์คที่โด่งดังไปทั่วโลกของอยุธยา ด้วยภาพเศียรพระพุทธรูปที่ปกคลุมด้วยรากไม้เป็นภาพที่สวยสะกดุกสายตา และเป็นวัดที่นิยมมาขอพรให้จิตใจกล้าหาญพร้อมลุยกับอุปสรรคด้วยสติ & สตรอง วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) เมื่อปี พ.ศ.1917 แต่พระองค์ทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้รับการสร้างจนแล้วเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวรแห่งราชวงศ์อู่ทอง เมื่อปี พ.ศ.1927 รวมถึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ

เดิมทีเดียววัดนี้เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี และเป็นที่ประกอบศาสนพิธีสำคัญต่าง ๆ ก่อนจะถูกทิ้งร้างและทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพังในสมัยอยธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 อีกทั้งยอดพระปรางค์ยังพังทลายลงมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงอย่างนั้นวัดมหาธาตุก็ยังมีเสน่ห์และมนต์ขลังที่นักเดินทางทั่วโลกอยากมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/HHJcCeVHa2WJVEHP9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

3. วัดราชบูรณะ

ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุเป็นที่ตั้งของ ‘วัดราชบูรณะ’ จัดเป็นหนึ่งในวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เมื่อปี พ.ศ.1967 เป็นวัดที่เลื่องชื่อด้วยเรื่องเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความเฮี้ยน และสถานที่เก็บซ่อนสมบัติชาติทั้งแก้ว แหวน เงินทอง ของมีค่าในกรุพระปรางค์ใหญ่ อาทิ พระแสงขันธ์ มงกุฎ ฉลองพระองค์ทองคำ พระแก้ว พระทองคำ พระนาก พระพิมพ์เนื้อชินโบราณกว่าแสนองค์ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุ เล่าต่อ ๆ กันมาว่า ครั้งหนึ่งวัดนี้เคยถูกโจรปล้นกรุสมบัติในพระปรางค์ (ประมาณปี พ.ศ. 2499-2500) แต่แล้วโจรทุกคนกลับทะยอยล้มหายตายจากอย่างสยดสยองภายใน 1 ปี และมีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนก็กลายเป็นคนเสียสติไปเลย

กรมศิลปากรจึงเข้ามาขุดค้นกรุสมบัติในพระปรางค์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2500 แล้วถึงกับต้องตะลึงกับมหาสมบัติมากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในพระปรางค์ และนำไปเก็บรักษาไว้อย่างดีภายในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา งานนี้ใครใจกล้าพอนอกจากจะแวะไปเที่ยวชมความงามของวัดราชบูรณะแล้ว จะเดินลงไปชมภายในกรุสมบัติด้านล่างก็ได้เช่นกัน บอกเลยว่า ทางทั้งชันและหวาดเสียวมาก ๆ ใจไม่ถึงแนะนำให้นั่งพักด้านบนจะดีกว่า

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/6D4o1rqZF8TVcr5s9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

4. วัดพระศรีสรรเพชญ์

ท่ามกลางวัดเก่าแก่นับร้อยนับพันในพระนครศรีอยุธยา ‘วัดพระศรีสรรเพชญ์’ ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างมากเทียบเท่ากับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เดิมที่ตั้งของวัดเป็นราชมณเฑียรสมัยที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกยาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางทิศเหนือ และยกที่ดินผืนนี้เป็นเขตพุทธาวาสก่อนจะสร้างวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1991

ด้วยเป็นวัดประจำพระราชวังจึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งพระราชพิธีสำคัญของบ้านเมืองต่าง ๆ รวมถึงที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ 3 องค์ องค์ที่ 1 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก) องค์ที่ 2 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และองค์ที่ 3 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก) ใครมาอยุธยาต้องไม่พลาดเช็คอินวัดนี้

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/aTdqjfBVVicxy8eo7

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

5. วัดพระราม

นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนสุดโปรดของชาวอยุธยาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ‘วัดพระราม’ สร้างขึ้นในสมัยพระราเมศวรเมื่อปี พ.ศ. 1912 บริเวณที่พระราชทานเพลิงพระบรมศพพระเจ้าอู่ทอง (พระราชบิดา) ตำนานเล่าว่า พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพผู้คนหนีโรคระบาดมาตั้งรกรากใหม่ที่ริมหนองโสนหรือ ‘บึงชีขัน’ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บึงพระราม’ บึงน้ำขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าวัด ที่เกิดจากการขุดดินมาถมสร้างวัดนั่นเอง

ทันทีที่ลอดผ่านซุ้มประตูวัดเข้ามาภายในวัด คุณจะเห็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่โดดเด่นเป็นสง่าและเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลแบบเขมรโบราณจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) อ้างอิงตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดูที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของ ‘เขาพระสุเมรุ’ หรือภูเขาที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และบนยอดเขาพระสุเมรุคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั่นเอง เรียกว่ามาถึงวัดพระรามแล้วเหมือนมาเที่ยวเมืองสวรรค์ จะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องใดก็จะประสบความสำเร็จดังใจหวัง (ถ้าแต้มบุญถึงด้วยนะ) พร้อมกับนั่งชิลล์ชมความสวยของบึงพระรามยามเย็น

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/qBj7eGn67nu83DgeA

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 40 บาท

6. วัดพระงาม คลองสระบัว

มาถึงอยุธยาแล้วไม่ควรพลาดการเดินทางข้าม ‘ประตูแห่งกาลเวลา’ ภายในวัดพระงาม ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ สันนิษฐานกันว่า วัดสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น และได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้ง ในส่วนของประตูแห่งกาลเวลาเป็น ‘ซุ้มประตูโบราณ’ ที่ปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์เป็นเวลาหลายร้อยปี โดยช่วงเวลาที่คนนิยมไปถ่ายภาพตรงซุ้มประตูให้ออกมาสวยงามที่สุด คือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า (ประมาณ 6.00 น.) หรือช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (ประมาณ 18.00 น.) ดวงอาทิตย์จะสาดแสงสีส้มทองลอดผ่านซุ้มประตูเข้ามาภายในพระอุโบสถจนถึงเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมภายใน ใครเห็นเป็นต้องประทับใจสุด ๆ เลยทีเดียว

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/CkLaHsoKrxGQKk3U9

7. วัดกุฎีดาว

https://thai.tourismthailand.org/

ใครที่เคยได้ยิน ‘ตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์’ ต้องไม่พลาดวัดนี้ ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของเทวดาอารักษ์ปกปักษ์รักษาโบราณสถานแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.2503 พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดช ได้รับสมุดข่อยโบราณจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เขียนด้วยอักษรไทยโบราณ มีภาพวาดแสดงที่ตั้งเจดีย์ของวัดกุฎีดาวและตำแหน่งฝังขุมทรัพย์ถึง 16 แห่ง ซึ่งนำไปสู่การขุดค้นของกรมศิลปากรและเรื่องราวแปลก ๆ มากมายที่สุดท้ายการค้นหาต้องยุติลง

แม้ประวัติการสร้างวัดกุฎีดาวจะไม่เป็นที่แน่ชัดและมีหลักฐานคลาดเคลื่อนกันไปบ้าง แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวัดมเหยงคณ์ (วัดพี่วัดน้อง) และเป็นหนึ่งในวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย อีกทั้งด้านนอกกำแพงแก้วยังมีตำหนัก ‘กำมะเลียน’ สันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อใช้เป็นที่พักแรมช่วงปฏิสังขรณ์วัดนั่นเอง ด้วยความสวยของวัดจึงเป็นสถานที่ในการถ่ายทำละครเรื่อง ‘พิษสวาท’ และผู้คนยังนิยมมากราบไหว้ขอโชคลาภความสำเร็จอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/icJoqrUQwHobokHD9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.30 น.

ค่าเข้าชม: ฟรี

8. วัดภูเขาทอง

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ของอยุธยา แต่วัดภูเขาทองก็ยังเป็นชัยภูมิสำคัญในประวัติศาสตร์การรบของสงครามไทย-พม่า วัดแห่งนี้สถาปนาขึ้นในรัชสมัยของพระราเมศวร (อยุธยาตอนต้น) ก่อนที่พระเจ้าบุเรงนองจะมีชัยเหนืออยุธยาเมื่อตอนเสียกรุงครั้งที่ 1 และสร้างเจดีย์แบบมอญผสมพม่าครอบองค์เจดีย์เดิมไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนืออโยธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชสำเร็จจึงโปรดให้สร้างเจดีย์แบบไทยไว้เหนือฐานแบบมอญและพม่าอีกที ส่วนเจดีย์แบบที่เห็นในปัจจุบันสันนิษฐานกันว่า ได้รับการบูรณะให้สูงใหญ่ในรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา จนถึงสมัยพระเพทราชา (พ.ศ. 2112-2246) นอกจากนี้ ความสวยงามของวัดภูเขาทองยังปรากฎอยู่ใน ‘นิราศภูเขาทอง’ ของสุทรภู่อีกด้วย

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/fHkHNxVvpadWEnb97

เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.00 น.

ค่าเข้าชม: ฟรี

9. วัดไชยวัฒนาราม

อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยาตอนปลายที่เคยเป็นจุดเช็คอินฮอตฮิตในยุค ‘ออเจ้า’ รุ่งเรือง (จากละครบุพเพสันนิวาส) ที่ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่แต่งชุดไทยสไบงามไปถ่ายรูปสวย ๆ อวดโซเชี่ยลฯ กันเพียบ วัดแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมริมแม่น้ำจ้าพระยา ที่ใครได้เข้ามาแล้วเป็นต้องหลงรัก วัดไชยวัฒนารามสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2173-2198) และเป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่ ‘ระเบียงคด’ พระระเบียงรอบปรางค์ประธาน ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ด้วยความที่พระเจ้าปราสาททองทรงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พระราชมารดา และเชื่อกันว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร จึงทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมภายในวัดส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากนครวัดนั่นเอง

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/wfzaM3g4QMq12yW1A

เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท

ใครอยากขอพรหรือเสริมดวงชะตาด้านใดก็ขับรถชิลล์ ๆ ไปเช็คอินหรือถ่ายรูปอวดโซเชียลกันได้เลย แต่ถ้าต้องการปรึกษากูรูเรื่องรถยนต์มือสองและคำแนะนำดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ต้อง CARS24 ซื้อรถยุคใหม่ ไว้ใจเพื่อนคนนี้

ทริปทำบุญไหว้พระ 9 วัดในอยุธยา เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวรู้ใจสายบุญและคนทั่วโลก ทั้งยังเป็นเมืองเก่าใกล้กรุงที่เที่ยวได้ตลอดปี เพราะขับรถจากกรุงเทพฯ ราวชั่วโมงเดียวก็ไปเที่ยวอยุธยาได้แล้ว อาหารการกินและคาเฟ่เก๋ ๆ ก็มีให้เช็คอินมากมาย ไหนจะวัดวาอารามเก่าแก่และหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีให้ขอพรกันครบทั้งการงาน การเงิน สุขภาพ และความรัก CARS24 รวบตึง 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ที่แน่นด้วยประวัติศาสตร์และศาสนสถานอันสวยงาม ให้คุณขับรถเที่ยวตามรอยเช็คอินกันได้แบบชิลล์ ๆ วันหยุดนี้ต้องจัด!

1. วัดใหญ่ชัยมงคล

ประเดิมวัดแรกด้วยการขอพรให้ประสบความสำเร็จและเสริมดวงเมตตามหานิยมกันที่ ‘วัดใหญ่ชัยมงคล’ วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เดิมมีชื่อว่า ‘สำนักสงฆ์ป่าแก้ว’ ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสถาปนาเป็นพระอารามใน พ.ศ.1900 และพระราชทานนามใหม่ว่า ‘วัดป่าแก้ว’ เป็นวัดที่มีเจดีย์ทรงระฆังองค์ใหญ่สูงที่สุดในอยุธยา ทั้งยังเป็นเจดีย์ที่สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะในศึกยุทธหัตถีและพระราชทานนามว่า ‘เจดีย์ชัยมงคล’ ให้ผู้คนสักการะบูชาและขอพรให้ประสบความสำเร็จทุกประการ ภายในวัดมีพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอนวัดใหญ่ชัยมงคล ที่เชื่อกันว่าขอพรเรื่องอภัยทานและเมตตามหานิยม แล้วจะเป็นที่รักและชื่นชมของผู้หลักผู้ใหญ่นั่นเอง

เส้นทาง: https://bit.ly/3FZS4qw

เปิดให้เข้าชม : 08.00-17.00 น.

ค่าเข้าชม: ชาวไทยเข้าชมฟรี / ชาวต่างประเทศ 20 บาท

2. วัดมหาธาตุ

หนึ่งในแลนด์มาร์คที่โด่งดังไปทั่วโลกของอยุธยา ด้วยภาพเศียรพระพุทธรูปที่ปกคลุมด้วยรากไม้เป็นภาพที่สวยสะกดุกสายตา และเป็นวัดที่นิยมมาขอพรให้จิตใจกล้าหาญพร้อมลุยกับอุปสรรคด้วยสติ & สตรอง วัดมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพะงั่ว) เมื่อปี พ.ศ.1917 แต่พระองค์ทรงเสด็จสวรรคตเสียก่อน และได้รับการสร้างจนแล้วเสร็จในสมัยสมเด็จพระราเมศวรแห่งราชวงศ์อู่ทอง เมื่อปี พ.ศ.1927 รวมถึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระปรางค์ประธานของวัดมหาธาตุ

เดิมทีเดียววัดนี้เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพราะเป็นวัดที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายคามวาสี และเป็นที่ประกอบศาสนพิธีสำคัญต่าง ๆ ก่อนจะถูกทิ้งร้างและทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพังในสมัยอยธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 อีกทั้งยอดพระปรางค์ยังพังทลายลงมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงอย่างนั้นวัดมหาธาตุก็ยังมีเสน่ห์และมนต์ขลังที่นักเดินทางทั่วโลกอยากมาสัมผัสด้วยตาตัวเอง

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/HHJcCeVHa2WJVEHP9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

3. วัดราชบูรณะ

ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุเป็นที่ตั้งของ ‘วัดราชบูรณะ’ จัดเป็นหนึ่งในวัดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในอยุธยา สร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) เมื่อปี พ.ศ.1967 เป็นวัดที่เลื่องชื่อด้วยเรื่องเล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ ความเฮี้ยน และสถานที่เก็บซ่อนสมบัติชาติทั้งแก้ว แหวน เงินทอง ของมีค่าในกรุพระปรางค์ใหญ่ อาทิ พระแสงขันธ์ มงกุฎ ฉลองพระองค์ทองคำ พระแก้ว พระทองคำ พระนาก พระพิมพ์เนื้อชินโบราณกว่าแสนองค์ รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุ เล่าต่อ ๆ กันมาว่า ครั้งหนึ่งวัดนี้เคยถูกโจรปล้นกรุสมบัติในพระปรางค์ (ประมาณปี พ.ศ. 2499-2500) แต่แล้วโจรทุกคนกลับทะยอยล้มหายตายจากอย่างสยดสยองภายใน 1 ปี และมีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนก็กลายเป็นคนเสียสติไปเลย

กรมศิลปากรจึงเข้ามาขุดค้นกรุสมบัติในพระปรางค์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2500 แล้วถึงกับต้องตะลึงกับมหาสมบัติมากมายที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในพระปรางค์ และนำไปเก็บรักษาไว้อย่างดีภายในพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา งานนี้ใครใจกล้าพอนอกจากจะแวะไปเที่ยวชมความงามของวัดราชบูรณะแล้ว จะเดินลงไปชมภายในกรุสมบัติด้านล่างก็ได้เช่นกัน บอกเลยว่า ทางทั้งชันและหวาดเสียวมาก ๆ ใจไม่ถึงแนะนำให้นั่งพักด้านบนจะดีกว่า

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/6D4o1rqZF8TVcr5s9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

4. วัดพระศรีสรรเพชญ์

ท่ามกลางวัดเก่าแก่นับร้อยนับพันในพระนครศรีอยุธยา ‘วัดพระศรีสรรเพชญ์’ ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างมากเทียบเท่ากับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ของกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เดิมที่ตั้งของวัดเป็นราชมณเฑียรสมัยที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกยาถทรงย้ายพระราชวังขึ้นไปทางทิศเหนือ และยกที่ดินผืนนี้เป็นเขตพุทธาวาสก่อนจะสร้างวัดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1991

ด้วยเป็นวัดประจำพระราชวังจึงไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา และเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาของพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งพระราชพิธีสำคัญของบ้านเมืองต่าง ๆ รวมถึงที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญ ได้แก่ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ 3 องค์ องค์ที่ 1 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก) องค์ที่ 2 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และองค์ที่ 3 บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก) ใครมาอยุธยาต้องไม่พลาดเช็คอินวัดนี้

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/aTdqjfBVVicxy8eo7

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 50 บาท

5. วัดพระราม

นอกจากจะเป็นสถานที่พักผ่อนสุดโปรดของชาวอยุธยาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ‘วัดพระราม’ สร้างขึ้นในสมัยพระราเมศวรเมื่อปี พ.ศ. 1912 บริเวณที่พระราชทานเพลิงพระบรมศพพระเจ้าอู่ทอง (พระราชบิดา) ตำนานเล่าว่า พระเจ้าอู่ทองทรงอพยพผู้คนหนีโรคระบาดมาตั้งรกรากใหม่ที่ริมหนองโสนหรือ ‘บึงชีขัน’ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘บึงพระราม’ บึงน้ำขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าวัด ที่เกิดจากการขุดดินมาถมสร้างวัดนั่นเอง

ทันทีที่ลอดผ่านซุ้มประตูวัดเข้ามาภายในวัด คุณจะเห็นพระปรางค์องค์ใหญ่ที่โดดเด่นเป็นสง่าและเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลแบบเขมรโบราณจากเมืองละโว้ (ลพบุรี) อ้างอิงตามคติความเชื่อในศาสนาฮินดูที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของ ‘เขาพระสุเมรุ’ หรือภูเขาที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และบนยอดเขาพระสุเมรุคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั่นเอง เรียกว่ามาถึงวัดพระรามแล้วเหมือนมาเที่ยวเมืองสวรรค์ จะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรื่องใดก็จะประสบความสำเร็จดังใจหวัง (ถ้าแต้มบุญถึงด้วยนะ) พร้อมกับนั่งชิลล์ชมความสวยของบึงพระรามยามเย็น

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/qBj7eGn67nu83DgeA

เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท / ชาวต่างประเทศ 40 บาท

6. วัดพระงาม คลองสระบัว

มาถึงอยุธยาแล้วไม่ควรพลาดการเดินทางข้าม ‘ประตูแห่งกาลเวลา’ ภายในวัดพระงาม ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Unseen Thailand เลยก็ว่าได้ สันนิษฐานกันว่า วัดสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น และได้รับการปฏิสังขรณ์หลายครั้ง ในส่วนของประตูแห่งกาลเวลาเป็น ‘ซุ้มประตูโบราณ’ ที่ปกคลุมด้วยรากของต้นโพธิ์เป็นเวลาหลายร้อยปี โดยช่วงเวลาที่คนนิยมไปถ่ายภาพตรงซุ้มประตูให้ออกมาสวยงามที่สุด คือช่วงพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า (ประมาณ 6.00 น.) หรือช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน (ประมาณ 18.00 น.) ดวงอาทิตย์จะสาดแสงสีส้มทองลอดผ่านซุ้มประตูเข้ามาภายในพระอุโบสถจนถึงเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมภายใน ใครเห็นเป็นต้องประทับใจสุด ๆ เลยทีเดียว

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/CkLaHsoKrxGQKk3U9

7. วัดกุฎีดาว

https://thai.tourismthailand.org/

ใครที่เคยได้ยิน ‘ตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์’ ต้องไม่พลาดวัดนี้ ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของเทวดาอารักษ์ปกปักษ์รักษาโบราณสถานแห่งนี้ เริ่มตั้งแต่สมัยปี พ.ศ.2503 พระองค์เจ้าพีระพงษ์ภานุเดช ได้รับสมุดข่อยโบราณจากพระสงฆ์รูปหนึ่งที่เขียนด้วยอักษรไทยโบราณ มีภาพวาดแสดงที่ตั้งเจดีย์ของวัดกุฎีดาวและตำแหน่งฝังขุมทรัพย์ถึง 16 แห่ง ซึ่งนำไปสู่การขุดค้นของกรมศิลปากรและเรื่องราวแปลก ๆ มากมายที่สุดท้ายการค้นหาต้องยุติลง

แม้ประวัติการสร้างวัดกุฎีดาวจะไม่เป็นที่แน่ชัดและมีหลักฐานคลาดเคลื่อนกันไปบ้าง แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวัดมเหยงคณ์ (วัดพี่วัดน้อง) และเป็นหนึ่งในวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย อีกทั้งด้านนอกกำแพงแก้วยังมีตำหนัก ‘กำมะเลียน’ สันนิษฐานว่าเป็นที่พำนักของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เพื่อใช้เป็นที่พักแรมช่วงปฏิสังขรณ์วัดนั่นเอง ด้วยความสวยของวัดจึงเป็นสถานที่ในการถ่ายทำละครเรื่อง ‘พิษสวาท’ และผู้คนยังนิยมมากราบไหว้ขอโชคลาภความสำเร็จอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/icJoqrUQwHobokHD9

เปิดให้เข้าชม : 08.00-16.30 น.

ค่าเข้าชม: ฟรี

8. วัดภูเขาทอง

แม้จะได้ชื่อว่าเป็นพุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ของอยุธยา แต่วัดภูเขาทองก็ยังเป็นชัยภูมิสำคัญในประวัติศาสตร์การรบของสงครามไทย-พม่า วัดแห่งนี้สถาปนาขึ้นในรัชสมัยของพระราเมศวร (อยุธยาตอนต้น) ก่อนที่พระเจ้าบุเรงนองจะมีชัยเหนืออยุธยาเมื่อตอนเสียกรุงครั้งที่ 1 และสร้างเจดีย์แบบมอญผสมพม่าครอบองค์เจดีย์เดิมไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนืออโยธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชสำเร็จจึงโปรดให้สร้างเจดีย์แบบไทยไว้เหนือฐานแบบมอญและพม่าอีกที ส่วนเจดีย์แบบที่เห็นในปัจจุบันสันนิษฐานกันว่า ได้รับการบูรณะให้สูงใหญ่ในรัชสมัยของพระมหาธรรมราชา จนถึงสมัยพระเพทราชา (พ.ศ. 2112-2246) นอกจากนี้ ความสวยงามของวัดภูเขาทองยังปรากฎอยู่ใน ‘นิราศภูเขาทอง’ ของสุทรภู่อีกด้วย

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/fHkHNxVvpadWEnb97

เปิดให้เข้าชม : 08.30-17.00 น.

ค่าเข้าชม: ฟรี

9. วัดไชยวัฒนาราม

อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในสมัยอยุธยาตอนปลายที่เคยเป็นจุดเช็คอินฮอตฮิตในยุค ‘ออเจ้า’ รุ่งเรือง (จากละครบุพเพสันนิวาส) ที่ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่แต่งชุดไทยสไบงามไปถ่ายรูปสวย ๆ อวดโซเชี่ยลฯ กันเพียบ วัดแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยเรื่องเล่าสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมริมแม่น้ำจ้าพระยา ที่ใครได้เข้ามาแล้วเป็นต้องหลงรัก วัดไชยวัฒนารามสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2173-2198) และเป็นสถานที่ฝังพระศพของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) กวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายกับเจ้าฟ้าสังวาลย์ ซึ่งต้องพระราชอาญาโบยจนสิ้นพระชนม์ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ

จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่ ‘ระเบียงคด’ พระระเบียงรอบปรางค์ประธาน ภายในมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ด้วยความที่พระเจ้าปราสาททองทรงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่พระราชมารดา และเชื่อกันว่า วัดนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมร จึงทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมภายในวัดส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากนครวัดนั่นเอง

เส้นทาง: https://goo.gl/maps/wfzaM3g4QMq12yW1A

เปิดให้เข้าชม : 08.30-16.30 น.

ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 10 บาท

ใครอยากขอพรหรือเสริมดวงชะตาด้านใดก็ขับรถชิลล์ ๆ ไปเช็คอินหรือถ่ายรูปอวดโซเชียลกันได้เลย แต่ถ้าต้องการปรึกษากูรูเรื่องรถยนต์มือสองและคำแนะนำดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ต้อง CARS24 ซื้อรถยุคใหม่ ไว้ใจเพื่อนคนนี้

อ่านเพิ่มเติม