รถคลาสสิคยอดนิยม รถรุ่นเก่าสวยๆ กี่ปีก็ยังเก๋าจากฝั่งยุโรป
รวมรถคลาสสิคยอดนิยม รถรุ่นเก่าสวยๆ กี่ปีก็ยังเก๋าจากฝั่งยุโรปและอเมริกัน ทั้งแบบรถคลาสสิคเปิดประทุนและรถคลาสสิค 2 ประตู ทั้งคันเล็ก คันใหญ่ เอาใจคนรักรถเก่าทุกท่าน ไปอ่านกันเลย
ขณะที่คนส่วนใหญ่มองหารถรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตามหาและชื่นชอบรถโบราณ หรือ รถคลาสสิค ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี รถคลาสสิคยังคงได้รับกระแสนิยมในคนบางกลุ่ม ดูได้จากชมรมรถคลาสสิคที่มีอยู่ทั่วโลก และหลายองค์กร ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลซื้อขายรถคลาสสิคโดยเฉพาะ อย่างเช่น Classic Car Club of America (CCCA) ของอเมริกา
สำหรับคนที่ห่างไกลจากวงการรถอาจจะมีคำถามว่า รถเก่าทุกคันจะกลายเป็นรถคลาสสิคหรือไม่ แล้วต้องเก่าแค่ไหนถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นรถคลาสสิค หรือต้องเป็นรถแบรนด์ไหน รุ่นอะไร ปีไหน ถึงจะเรียกได้ว่าคลาสสิก
CCCA ได้ให้นิยามความคลาสสิกของรถไว้ว่า เป็นรถที่ถูกผลิตระหว่างปีคศ. 1915 -1948 ไม่จำกัดว่าจะถูกผลิตในอเมริกา หรือต่างประเทศ ต้องเป็นรถที่ยังใช้งานได้ โดยไม่เคยมีการดัดแปลงใดๆ และได้รับการยอมรับในด้านความงดงามและโดดเด่น จึงจะเป็นรถคลาสสิค
วันนี้ เราจึงได้รวบรวมรายชื่อรถคลาสสิคบางส่วนให้ได้รู้จักกัน
รวมรถคลาสสิคยอดนิยม กี่ปีก็ยังสวย
1.) รถคลาสสิค 1908 Ford Model T
ฟอร์ด โมเดล ที ถูกจัดให้เป็นรถที่ถูกผลิตก่อนสงครามโลก โดย ฟอร์ด ใช้เวลาพัฒนารถโมเดลก่อนหน้า มาจนสำเร็จออกมาเป็น Model T ซึ่งในยุคนั้น รถยนต์นับเป็นสินค้าหรูที่ราคาเกินเอื้อม แต่ฟอร์ดได้ลดต้นทุนให้ถูกลง ด้วยการผลิตคราวละมากๆ ทำให้รถยนต์มีราคาที่คนทั่วไปจับต้องได้ Ford M0del T มีเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร มีกำลัง 20 แรงม้า ทำความเร็วได้ราวๆ 64-72 กม./ชม และถูกผลิตออกมาทั้งสิ้นมากกว่า 15 ล้านคัน
2.) รถคลาสสิคเปิดประทุน 1966 Shelby 427 Cobra
เป็นหนึ่งในรถคลาสสิคที่หายาก ทำให้มีมูลค่าสูงลิ่ว บางที่ถึงกับยกให้เป็นตำนานไอคอน American Perfomance แห่งศตวรรษที่ 20 Shelby Cobra ถูกออกแบบโดย Carroll Shelby อดีตนักแข่งรถทีม Aston Martin ใช้เครื่องยนต์ Ford V8 ของค่ายฟอร์ด และผลิตช่วงแรกที่อังกฤษ ด้วยชื่อ AC Cobra ก่อนจะย้ายมาผลิตที่อเมริกาปี 1962 ด้วยชื่อ AC Shelby Cobra ซึ่งใช้สูตรการผลิตเป็นรถแข่งไซส์เล็กเครื่องยนต์ใหญ่ และ 427 ก็ได้ถูกปรับเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกว่ารุ่นก่อน ตัวเครื่องยนต์มีพลังแรงม้ามหาศาลถึง 355 แรงม้า ช่วงล่างของรถถูกปรับแต่งให้รองรับน้ำหนักเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ทว่า Shelby 427 Cobra ถูกผลิตออกมาเพียง 300 คัน ทำให้รถแท้มีจำนวนเหลืออยู่ไม่มาก ราคาปัจจุบันจึงอยู่ที่ 50 ล้านบาท
3.) รถคลาสสิค 2 ประตู 1925 Rolls-Royce Phantom I
เป็นรถรุ่นก่อนสงครามโลก โดย Phantom I ถูกสร้างเพื่อทดแทนรถรุ่นดั้งเดิมของค่ายโรลส์-รอยซ์ อย่าง Silver Ghost ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า ถูกสร้างให้เป็นยวดยานที่ ‘เร้นกายได้อย่างไร้ที่ติ’ ด้วยความเงียบของเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ที่ออกขายในเวลานั้น Phantom I ถูกผลิตออกมา 3,509 คัน ทั้งในอังกฤษและอเมริกา อย่างไรก็ตาม โรลส์-รอยซ์ทำเพียงแค่ผลิตเพลารถกับเครื่องยนต์ ตัวถังถูกสร้างจากผู้ผลิตตัวถังแยกต่างหาก ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถจะเลือกใช้บริการ
4.) รถคลาสสิคเปิดประทุน 1961 Jaguar E-Type 77RW
อาจกล่าวได้ว่า E-Type ถูกพัฒนามาจาก D-Type รถแข่งที่ประสบความสำเร็จของค่ายจากัวร์ ที่ชนะรางวัลจากสนามสุดโหด Le Mans มาถึง 3 ครั้ง จากปี 1955-1957 เดิมทีผู้ผลิตตั้งใจจะทำให้ E-Type เป็นรถแข่งเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าได้รถสปอร์ตสายพันธุ์อึด ที่ใช้ขับบนถนนระยะไกลมาแทน โครงสร้างพื้นฐานของ E-Type แทบไม่ต่างกับ D-Type แต่ E-Type เป็นรถสองที่นั่งเปิดประทุน ที่ถูกปรับให้ที่นั่งดีกว่าเก่า และเปลี่ยนกระปุกเกียร์ ที่ออกแบบและผลิตโดยจาร์กัวแทนที่ของเดิม E-Type เป็นรถที่ต้องตาต้องใจของตลาด และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งยุค 60s ด้วยสมถนะความแรงบวกราคาสมเหตุสมผล โดยทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 241 กม./ชม.ด้วยสนนราคา 2,000 ปอนด์นิดๆ
5.) รถคลาสสิค 2 ประตู 1931 Bugatti Royale
Bugatti Royale หรือ Bugatti Type41 เป็นรถหรูก่อนสงครามโลกของฝรั่งเศส ที่สร้างโดย Ettore Bugatti ตัวรถมีขนาดใหญ่โตมหึมา ความยาวตัวถึงอยู่ที่ 6.4 เมตร ฐานล้อยาว 4.3 เมตร และหนักถึง 3,175 กิโลกรัม ส่วนของเครื่องยนต์ก็มีขนาดใหญ่ถึง 8 สูบ ขนาดความจุ 12.7 ลิตร ด้วยกำลัง 275-300 แรงม้า ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทว่า แม้ Ettore Bugatti จะตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายในวงจำกัดถึง 25 คัน แต่ Bugatti Royal กลับถูกผลิตออกมาแค่ 6 คัน และขายออกเพียงแค่ครึ่งเดียว จากวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 1930
6.) รถรุ่นเก่า 1964 Aston Martin DB5 Goldfinger
หลังภาพยนตร์ James Bond 007 Goldfinger ออกฉายในปี 1964 เป็นต้นมา ก็ได้ทำให้ Aston Martin DB5 ที่ขับโดยพระเอกอย่าง Sean Connery ได้ขึ้นแท่นเป็นรถคลาสสิคที่ยอดนิยมที่สุดและค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล แม้จะมีราคามหาศาลถึงหลักล้านดอลลาร์ แต่เชื่อว่า ไม่มีเจ้าของคนไหนปล่อยสู่ตลาดง่ายๆ Aston Martin DB5 เป็นรถประเภท GT (Grand Tourer) ของอังกฤษ ที่สร้างมาเพื่อความเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็สะดวกสบายสำหรับขับทางไกล เครื่องยนต์ของรถทำจากอลูมิเนียมทั้งหมด ความจุ 3.7 ถึง 4.0 ลิตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายใน 8 วินาที
7.) รถรุ่นเก่า 1969 Maserati Ghibli 4.7
Ghibli ที่ไม่ใช่ค่ายอนิเมะญี่ปุ่่น แต่เป็นคำอิตาเลียน และเป็นชื่อรุ่นของ Maserati Ghibli 4.7 ด้วยรูปลักษณ์ของช่องระบายอากาศ ออกแบบโดย Giorgietto Giugiaro หัวหน้าแผนกออกแบบของ Ghia ในขณะนั้น โดยมาเซราติได้เปิดตัว Ghibli 4.7 ในปี 1966 ที่งานทูรินมอร์เตอร์โชว์ Maserati Ghibli 4.7 เป็นรถ GT แต่ก็มีตัวถังอันโดดเด่น ฝากระโปรงขนาดยาว ท้ายเปิดปิดแบบ hatchback ไฟหน้าซ่อนอยู่ในด้าน และรูปลักษณ์ที่ทำให้นึกถึงฉลาม
สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.
ขณะที่คนส่วนใหญ่มองหารถรุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัย แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตามหาและชื่นชอบรถโบราณ หรือ รถคลาสสิค ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี รถคลาสสิคยังคงได้รับกระแสนิยมในคนบางกลุ่ม ดูได้จากชมรมรถคลาสสิคที่มีอยู่ทั่วโลก และหลายองค์กร ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลซื้อขายรถคลาสสิคโดยเฉพาะ อย่างเช่น Classic Car Club of America (CCCA) ของอเมริกา
สำหรับคนที่ห่างไกลจากวงการรถอาจจะมีคำถามว่า รถเก่าทุกคันจะกลายเป็นรถคลาสสิคหรือไม่ แล้วต้องเก่าแค่ไหนถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นรถคลาสสิค หรือต้องเป็นรถแบรนด์ไหน รุ่นอะไร ปีไหน ถึงจะเรียกได้ว่าคลาสสิก
CCCA ได้ให้นิยามความคลาสสิกของรถไว้ว่า เป็นรถที่ถูกผลิตระหว่างปีคศ. 1915 -1948 ไม่จำกัดว่าจะถูกผลิตในอเมริกา หรือต่างประเทศ ต้องเป็นรถที่ยังใช้งานได้ โดยไม่เคยมีการดัดแปลงใดๆ และได้รับการยอมรับในด้านความงดงามและโดดเด่น จึงจะเป็นรถคลาสสิค
วันนี้ เราจึงได้รวบรวมรายชื่อรถคลาสสิคบางส่วนให้ได้รู้จักกัน
รวมรถคลาสสิคยอดนิยม กี่ปีก็ยังสวย
1.) รถคลาสสิค 1908 Ford Model T
ฟอร์ด โมเดล ที ถูกจัดให้เป็นรถที่ถูกผลิตก่อนสงครามโลก โดย ฟอร์ด ใช้เวลาพัฒนารถโมเดลก่อนหน้า มาจนสำเร็จออกมาเป็น Model T ซึ่งในยุคนั้น รถยนต์นับเป็นสินค้าหรูที่ราคาเกินเอื้อม แต่ฟอร์ดได้ลดต้นทุนให้ถูกลง ด้วยการผลิตคราวละมากๆ ทำให้รถยนต์มีราคาที่คนทั่วไปจับต้องได้ Ford M0del T มีเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.9 ลิตร มีกำลัง 20 แรงม้า ทำความเร็วได้ราวๆ 64-72 กม./ชม และถูกผลิตออกมาทั้งสิ้นมากกว่า 15 ล้านคัน
2.) รถคลาสสิคเปิดประทุน 1966 Shelby 427 Cobra
เป็นหนึ่งในรถคลาสสิคที่หายาก ทำให้มีมูลค่าสูงลิ่ว บางที่ถึงกับยกให้เป็นตำนานไอคอน American Perfomance แห่งศตวรรษที่ 20 Shelby Cobra ถูกออกแบบโดย Carroll Shelby อดีตนักแข่งรถทีม Aston Martin ใช้เครื่องยนต์ Ford V8 ของค่ายฟอร์ด และผลิตช่วงแรกที่อังกฤษ ด้วยชื่อ AC Cobra ก่อนจะย้ายมาผลิตที่อเมริกาปี 1962 ด้วยชื่อ AC Shelby Cobra ซึ่งใช้สูตรการผลิตเป็นรถแข่งไซส์เล็กเครื่องยนต์ใหญ่ และ 427 ก็ได้ถูกปรับเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกว่ารุ่นก่อน ตัวเครื่องยนต์มีพลังแรงม้ามหาศาลถึง 355 แรงม้า ช่วงล่างของรถถูกปรับแต่งให้รองรับน้ำหนักเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ทว่า Shelby 427 Cobra ถูกผลิตออกมาเพียง 300 คัน ทำให้รถแท้มีจำนวนเหลืออยู่ไม่มาก ราคาปัจจุบันจึงอยู่ที่ 50 ล้านบาท
3.) รถคลาสสิค 2 ประตู 1925 Rolls-Royce Phantom I
เป็นรถรุ่นก่อนสงครามโลก โดย Phantom I ถูกสร้างเพื่อทดแทนรถรุ่นดั้งเดิมของค่ายโรลส์-รอยซ์ อย่าง Silver Ghost ด้วยขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า ถูกสร้างให้เป็นยวดยานที่ ‘เร้นกายได้อย่างไร้ที่ติ’ ด้วยความเงียบของเครื่องยนต์เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ที่ออกขายในเวลานั้น Phantom I ถูกผลิตออกมา 3,509 คัน ทั้งในอังกฤษและอเมริกา อย่างไรก็ตาม โรลส์-รอยซ์ทำเพียงแค่ผลิตเพลารถกับเครื่องยนต์ ตัวถังถูกสร้างจากผู้ผลิตตัวถังแยกต่างหาก ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถจะเลือกใช้บริการ
4.) รถคลาสสิคเปิดประทุน 1961 Jaguar E-Type 77RW
อาจกล่าวได้ว่า E-Type ถูกพัฒนามาจาก D-Type รถแข่งที่ประสบความสำเร็จของค่ายจากัวร์ ที่ชนะรางวัลจากสนามสุดโหด Le Mans มาถึง 3 ครั้ง จากปี 1955-1957 เดิมทีผู้ผลิตตั้งใจจะทำให้ E-Type เป็นรถแข่งเช่นกัน แต่กลายเป็นว่าได้รถสปอร์ตสายพันธุ์อึด ที่ใช้ขับบนถนนระยะไกลมาแทน โครงสร้างพื้นฐานของ E-Type แทบไม่ต่างกับ D-Type แต่ E-Type เป็นรถสองที่นั่งเปิดประทุน ที่ถูกปรับให้ที่นั่งดีกว่าเก่า และเปลี่ยนกระปุกเกียร์ ที่ออกแบบและผลิตโดยจาร์กัวแทนที่ของเดิม E-Type เป็นรถที่ต้องตาต้องใจของตลาด และกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งยุค 60s ด้วยสมถนะความแรงบวกราคาสมเหตุสมผล โดยทำความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 241 กม./ชม.ด้วยสนนราคา 2,000 ปอนด์นิดๆ
5.) รถคลาสสิค 2 ประตู 1931 Bugatti Royale
Bugatti Royale หรือ Bugatti Type41 เป็นรถหรูก่อนสงครามโลกของฝรั่งเศส ที่สร้างโดย Ettore Bugatti ตัวรถมีขนาดใหญ่โตมหึมา ความยาวตัวถึงอยู่ที่ 6.4 เมตร ฐานล้อยาว 4.3 เมตร และหนักถึง 3,175 กิโลกรัม ส่วนของเครื่องยนต์ก็มีขนาดใหญ่ถึง 8 สูบ ขนาดความจุ 12.7 ลิตร ด้วยกำลัง 275-300 แรงม้า ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทว่า แม้ Ettore Bugatti จะตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายในวงจำกัดถึง 25 คัน แต่ Bugatti Royal กลับถูกผลิตออกมาแค่ 6 คัน และขายออกเพียงแค่ครึ่งเดียว จากวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 1930
6.) รถรุ่นเก่า 1964 Aston Martin DB5 Goldfinger
หลังภาพยนตร์ James Bond 007 Goldfinger ออกฉายในปี 1964 เป็นต้นมา ก็ได้ทำให้ Aston Martin DB5 ที่ขับโดยพระเอกอย่าง Sean Connery ได้ขึ้นแท่นเป็นรถคลาสสิคที่ยอดนิยมที่สุดและค่าตัวแพงที่สุดตลอดกาล แม้จะมีราคามหาศาลถึงหลักล้านดอลลาร์ แต่เชื่อว่า ไม่มีเจ้าของคนไหนปล่อยสู่ตลาดง่ายๆ Aston Martin DB5 เป็นรถประเภท GT (Grand Tourer) ของอังกฤษ ที่สร้างมาเพื่อความเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็สะดวกสบายสำหรับขับทางไกล เครื่องยนต์ของรถทำจากอลูมิเนียมทั้งหมด ความจุ 3.7 ถึง 4.0 ลิตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายใน 8 วินาที
7.) รถรุ่นเก่า 1969 Maserati Ghibli 4.7
Ghibli ที่ไม่ใช่ค่ายอนิเมะญี่ปุ่่น แต่เป็นคำอิตาเลียน และเป็นชื่อรุ่นของ Maserati Ghibli 4.7 ด้วยรูปลักษณ์ของช่องระบายอากาศ ออกแบบโดย Giorgietto Giugiaro หัวหน้าแผนกออกแบบของ Ghia ในขณะนั้น โดยมาเซราติได้เปิดตัว Ghibli 4.7 ในปี 1966 ที่งานทูรินมอร์เตอร์โชว์ Maserati Ghibli 4.7 เป็นรถ GT แต่ก็มีตัวถังอันโดดเด่น ฝากระโปรงขนาดยาว ท้ายเปิดปิดแบบ hatchback ไฟหน้าซ่อนอยู่ในด้าน และรูปลักษณ์ที่ทำให้นึกถึงฉลาม
สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.
