รวมเทคนิคล้างรถแบบมือโปรง่าย ๆ ให้เหมือนไปคาร์แคร์

CARS24
CARS24
| อ่าน 1 นาที

หลายคนชอบล้างรถด้วยตัวเองมากกว่าไปคาร์แคร์ แต่ก็อยากให้รถเงาเหมือนล้างรถโดยมือโปรฯ ซึ่งคุณอาจจะเคยได้ยินว่า น้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพูสระผม หรือผงซักฟอกใช้แทนแชมพูล้างรถได้ด้วย ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่าย หาง่ายภายในบ้านเรือน และช่วยให้รถเงางามเช่นกัน จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านั้นใช้ล้างรถได้จริงหรือ? Cars24 มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการล้างรถที่ถูกต้องมาฝาก

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนล้างรถ

คนที่ต้องการความสะดวกสบายและไม่ค่อยมีเวลาล้างรถสักเท่าไหร่ Car Care ดูจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการล้างรถด้วยตัวเอง เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้การล้างรถเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับรถและคุณ

  • การล้างรถคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คงจะดีไม่น้อยหากคุณมีเพื่อนอีกสักคนช่วยกันล้างรถ เพื่อช่วยประหยัดเวลาและทำให้งานง่ายขึ้นอีกด้วย
  • อย่าพกของแข็ง โลหะ หรือเสื้อผ้าที่มีโลหะต่างๆ โดยเฉพาะหมุดกางเกงยีนส์ โลหะตกแต่งบนเสื้อผ้า โซ่คล้องกระเป๋าสตางค์ มีดพก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดรอยขีดข่วนและทำให้สีของรถเสียหายได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สกปรก หรือเปื้อนคราบน้ำมันในการล้างรถ
  • อย่าใช้ฟองน้ำสกปรก สก๊อตไบร์ท หรือแปรงขัดล้อ ทำความสะอาดตัวถังของรถ

น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก สบู่ แชมพูสระผม ล้างรถได้จริงหรือ?

คำตอบคือ “ได้! แต่ไม่ดีแน่นอน” คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหมือนๆ กัน แต่อย่าลืมว่ามันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับผิว เส้นผม เสื้อผ้า และจานชาม โดยเฉพาะน้ำยาล้างจานที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันฝังแน่น และเศษอาหารตกค้างบนภาชนะ เมื่อนำมาใช้ล้างรถจึงส่งผลเสียต่อพื้นผิวและสีของรถได้ หากใช้ล้างรถบ่อย ๆ จะส่งผลให้สีซีดจางและสีรถไม่เงางามเหมือนเดิม

ยิ่งถ้ารถของคุณผ่านการเคลือบแก้วหรือเคลือบสีมาแล้ว ยิ่งควรหลีกเลี่ยงน้ำยาล้างจานซึ่งเป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่สามารถชะล้างสารเคลือบสีรถ ทำให้สารเคลือบรถเสื่อมสภาพ อายุการใช้งานสั้นลง หรือแว็กซ์เคลือบรถหลุดได้เลย ถึงจุดนี้คุณจะรู้สึกเสียดายเงินและเสียอารมณ์มากขึ้น (จริงมั้ย?)

นอกจากนี้ การล้างรถด้วยน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือสบู่ อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เพราะสารเคมีในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะเกาะติดกับสีรถได้มากกว่าแชมพูล้างรถและล้างออกยาก ซึ่งเมื่อสารเคมีที่อยู่ในสบู่และน้ำยาล้างจานตกค้างบนสีรถที่แห้งแล้วจะสร้างความเสียหายต่อรถของคุณได้เช่นกัน นั่นเป็นฝันร้ายสำหรับรถและไม่ดีต่อใจคุณแน่นอน ทางทีดีเปลี่ยนมาใช้แชมพูล้างรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทำความสะอาดรถยนต์จะดีกว่านะ


ล้างรถถูกวิธี มีข้อดีกว่าที่คุณคิด

นอกจากการล้างรถด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณได้สำรวจรอยขีดข่วนและคราบสกปรกต่างๆ บนรถ อีกทั้งการล้างรถยังสามารถเป็นช่วงเวลาสนุก ๆ ในครอบครัวหรือคนรักได้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญฯ แนะนำ 8 ขั้นตอนล้างรถที่ปกป้องพร้อมถนอมสีรถในเวลาเดียวกัน แถมยังเงางามเหมือนใหม่จนใครๆ ก็ทักว่าคุณไปล้างรถที่ไหนมา?

1. จอดรถให้ถูกที่: ควรจอดรถในที่ที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้รถแห้งเร็วและเป็นคราบแชมพูหรือคราบน้ำ (ก่อนที่คุณจะทันได้ล้างน้ำสะอาดหรือเช็ดรถเสียอีก) รวมถึงควรหาพื้นที่ที่มีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้น้ำไหลออกจากรถและไหลลงสู่ท่อระบายน้ำได้เร็วขึ้น รถจะแห้งเร็วโดยไม่เป็นคราบ และไม่ควรล้างรถใต้ต้นไม้หากคุณไม่อยากเจอใบไม้ร่วง ขี้นก หรือแมลงต่างๆ

2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม: ไม่ว่าจะเป็นแชมพูล้างรถ ถังน้ำ (2 ใบ) ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ แปรงขัดล้อ ผ้าชามัวร์ น้ำยาเคลือบเงา สเปรย์เคลือบล้อรถ ถุงมือ เพราะคงไม่ดีแน่หากคุณต้องหยุดล้างรถกลางคันเพื่อค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ

3. ล้างรถให้สะอาดก่อนลงแชมพู: ปรับแรงดันน้ำที่เครื่องฉีดน้ำหรือสายยางให้เหมาะสม ล้างรถให้ทั่วทุกจุดโดยเริ่มจากด้านบน ด้านล่าง ซุ้มล้อ ขั้นตอนนี้ไม่ได้ทำเพื่อให้รถเปียกเท่านั้น แต่เป็นการล้างสิ่งสกปรก เศษดิน คราบน้ำมันต่าง ๆ ที่อาจทำให้รถเป็นรอยเมื่อล้างด้วยฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์

4. เริ่มต้นด้วยล้อรถ: ลองนึกดูสิว่า หากคุณฉีดน้ำล้างรถก่อนแล้วค่อยล้างล้อรถ คุณจะต้องรับมือกับเศษดิน เศษหิน และสิ่งสกปรกบนพื้นที่พร้อมจะดีดใส่ตัวถัง (แล้วก็ล้างใหม่อีกรอบ) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ล้างล้อรถให้สะอาดเสียก่อน ทิ้งน้ำยาล้างล้อรถไว้สักครู่เพื่อให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น แล้วจึงใช้แปรงขัดล้อทำความสะอาดทีละล้อจนครบ

5. ล้างรถให้สะอาด: หลังจากล้างล้อรถจนสะอาดแล้ว ให้ฉีดน้ำจากบนหลังคาลงสู่ด้านล่าง จากนั้นสวมถุงมือและผสมแชมพูล้างรถลงในถังน้ำ (คุณสามารถใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อล้างรถ) เริ่มล้างจากส่วนหลังคาเช่นเดิม ขั้นตอนนี้ควรเตรียมถังน้ำไว้ 2 ใบ ใบแรกผสมแชมพูล้างรถไว้ ส่วนอีกใบใส่น้ำสะอาดไว้สำหรับจุ่มฟองน้ำและถุงมือสกปรก เพื่อล้างให้สะอาดเสียก่อนถึงจะจุ่มแชมพูล้างรถอีกครั้ง

6. เช็ดทำความสะอาดประตูและวงกบ: ใช้ผ้าชามัวร์สะอาดชุบน้ำเล็กน้อย เช็ดทำความสะอาดด้านในของประตูและวงกบ

7. เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าชามัวร์ 2 ผืน: ผ้าชามัวร์เป็นมิตรต่อสีและพื้นผิวของรถ (อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวมาเช็ดรถ เพราะอาจทำให้สีรถเป็นรอยขนแมว) หลังล้างรถจนสะอาดให้ใช้ผ้าชามัวร์ผืนแรกเช็ดคราบน้ำออกเบาๆ ให้ทั่วรถ จากนั้นให้ใช้ผ้าผืนที่สองเช็ดอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ให้รถแห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณกระจกมองข้างที่มักจะมีน้ำหยดลงมาทำให้รถเป็นคราบได้

8. เคลือบรถให้เงางาม: หลังเช็ดทำความสะอาดรถจนแห้งสนิท (ไม่เหลือคราบน้ำ) ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเคลือบรถให้เงางามเหมือนเข้า Car Care แล้วล่ะ

ทำความสะอาดเบาะรถ ลดกลิ่นเหม็นอับ

หลังจากทำความสะอาดภายนอกแล้ว อย่าลืมดูดฝุ่นและเช็ดทำความสะอาดภายในทุกซอกมุม เพราะอาจจะมีเศษอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม ที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ นอกจากนี้ รถที่สะอาดทั้งด้านนอกและภายในยังสร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมทางอีกด้วย รวมถึงเบาะรถที่มีเทคนิคในการดูแลรักษาความสะอาดแตกต่างกัน นั่นคือ

  • เบาะหนังแท้: เบาะประเภทนี้ทำจากหนังสัตว์นำมาผ่านกระบวนการฟอกและย้อมสี ให้ความรู้สึกนุ่มสบายและสีสันสวยงาม วิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมคือการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำเปล่าบิดหมาดเช็ดให้ทั่ว ใช้แปรงที่มีขนนุ่มชุบน้ำยาทำความสะอาดหนังแท้ แล้วทำความสะอาดบริเวณที่สกปรก จากนั้นให้ผ้าเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งและใช้น้ำยาเคลือบเบาะหนังทาให้ทั่ว เพื่อปกป้องเบาะหนังแท้ให้ยืดหยุ่น สวยงาม และยืดอายุการใช้งาน
  • เบาะหนังเทียม: ผลิตจากพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูงอย่าง PVC หรือ PU ให้ความรู้สึกเหมือนเบาะหนังแท้ มีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย ไม่อมฝุ่น ไม่ดูดซับน้ำ วิธีทำความสะอาดให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ชุบน้ำผสมสบู่เหลวเพียงเล็กน้อยแล้วเช็ดเบาะ ไม่ควรชุบน้ำให้เปียกจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดความชื้นและมีกลิ่นเหม็นอับได้ แต่ถ้าเบาะรถสกปรกมากให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังขจัดคราบสกปรกออก เสร็จแล้วให้เคลือบดูแลรักษาด้วยน้ำยาเคลือบเบาะหนังอีกครั้ง
  • เบาะผ้า: แม้เบาะผ้าจะถ่ายเทความร้อนได้ดี นั่งแล้วไม่รู้สึกลื่นไหล แต่ก็อมฝุ่นและเปื้อนง่าย เก็บความชื้นได้ดีจึงทำให้มีกลิ่นอับชื้น เบาะผ้าทำความสะอาดยากกว่าเบาะปนะเภทอื่นๆ จึงควรดูดเศษผงและสิ่งสกปรกตามซอกหลืบให้สะอาดเสียก่อน ถ้าเบาะมีคราบให้ฉีดน้ำยาทำความสะอาดเบาะผ้าเล็กน้อย (อย่าชุ่มจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าขึ้นราหรือเหม็นอับได้) และควรใช้ไดร์เป่าแห้งอีกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับ แต่ถ้าเบาะผ้าสกปรกมากแนะนำให้เข้า Car Care เพื่อถอดเบาะซักจะดีกว่า

ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่เรานำมาฝากกันจะช่วยให้คุณล้างรถและทำความสะอาดเบาะรถได้อย่างถูกวิธี บอกลาน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพูสระผม และสบู่เหลว แล้วเปลี่ยนมาเลือกใช้แชมพูล้างรถที่มีคุณภาพจะดีกว่า เพื่อถนอมสีรถให้เงางามและสะอาดเหมือนรถใหม่อยู่เสมอ

เช่นเดียวกับที่ Cars24 เน้นการทำความสะอาดรถทุกคันของเราโดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมตรวจเช็คสภาพรถโดยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 150 จุด อยากรู้ว่ารถมือสองของเราสวยเหมือนใหม่แค่ไหนคลิกเข้าไปชมได้เลย >> www.cars24.co.th  

หลายคนชอบล้างรถด้วยตัวเองมากกว่าไปคาร์แคร์ แต่ก็อยากให้รถเงาเหมือนล้างรถโดยมือโปรฯ ซึ่งคุณอาจจะเคยได้ยินว่า น้ำยาล้างจาน สบู่ แชมพูสระผม หรือผงซักฟอกใช้แทนแชมพูล้างรถได้ด้วย ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่าย หาง่ายภายในบ้านเรือน และช่วยให้รถเงางามเช่นกัน จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านั้นใช้ล้างรถได้จริงหรือ? Cars24 มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการล้างรถที่ถูกต้องมาฝาก

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนล้างรถ

คนที่ต้องการความสะดวกสบายและไม่ค่อยมีเวลาล้างรถสักเท่าไหร่ Car Care ดูจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบการล้างรถด้วยตัวเอง เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้การล้างรถเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับรถและคุณ

  • การล้างรถคนเดียวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คงจะดีไม่น้อยหากคุณมีเพื่อนอีกสักคนช่วยกันล้างรถ เพื่อช่วยประหยัดเวลาและทำให้งานง่ายขึ้นอีกด้วย
  • อย่าพกของแข็ง โลหะ หรือเสื้อผ้าที่มีโลหะต่างๆ โดยเฉพาะหมุดกางเกงยีนส์ โลหะตกแต่งบนเสื้อผ้า โซ่คล้องกระเป๋าสตางค์ มีดพก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดรอยขีดข่วนและทำให้สีของรถเสียหายได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์สกปรก หรือเปื้อนคราบน้ำมันในการล้างรถ
  • อย่าใช้ฟองน้ำสกปรก สก๊อตไบร์ท หรือแปรงขัดล้อ ทำความสะอาดตัวถังของรถ

น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก สบู่ แชมพูสระผม ล้างรถได้จริงหรือ?

คำตอบคือ “ได้! แต่ไม่ดีแน่นอน” คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหมือนๆ กัน แต่อย่าลืมว่ามันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้กับผิว เส้นผม เสื้อผ้า และจานชาม โดยเฉพาะน้ำยาล้างจานที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบไขมันฝังแน่น และเศษอาหารตกค้างบนภาชนะ เมื่อนำมาใช้ล้างรถจึงส่งผลเสียต่อพื้นผิวและสีของรถได้ หากใช้ล้างรถบ่อย ๆ จะส่งผลให้สีซีดจางและสีรถไม่เงางามเหมือนเดิม

ยิ่งถ้ารถของคุณผ่านการเคลือบแก้วหรือเคลือบสีมาแล้ว ยิ่งควรหลีกเลี่ยงน้ำยาล้างจานซึ่งเป็นอิมัลซิไฟเออร์ที่สามารถชะล้างสารเคลือบสีรถ ทำให้สารเคลือบรถเสื่อมสภาพ อายุการใช้งานสั้นลง หรือแว็กซ์เคลือบรถหลุดได้เลย ถึงจุดนี้คุณจะรู้สึกเสียดายเงินและเสียอารมณ์มากขึ้น (จริงมั้ย?)

นอกจากนี้ การล้างรถด้วยน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือสบู่ อาจทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เพราะสารเคมีในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะเกาะติดกับสีรถได้มากกว่าแชมพูล้างรถและล้างออกยาก ซึ่งเมื่อสารเคมีที่อยู่ในสบู่และน้ำยาล้างจานตกค้างบนสีรถที่แห้งแล้วจะสร้างความเสียหายต่อรถของคุณได้เช่นกัน นั่นเป็นฝันร้ายสำหรับรถและไม่ดีต่อใจคุณแน่นอน ทางทีดีเปลี่ยนมาใช้แชมพูล้างรถที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทำความสะอาดรถยนต์จะดีกว่านะ


ล้างรถถูกวิธี มีข้อดีกว่าที่คุณคิด

นอกจากการล้างรถด้วยตัวเองจะช่วยให้คุณได้สำรวจรอยขีดข่วนและคราบสกปรกต่างๆ บนรถ อีกทั้งการล้างรถยังสามารถเป็นช่วงเวลาสนุก ๆ ในครอบครัวหรือคนรักได้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญฯ แนะนำ 8 ขั้นตอนล้างรถที่ปกป้องพร้อมถนอมสีรถในเวลาเดียวกัน แถมยังเงางามเหมือนใหม่จนใครๆ ก็ทักว่าคุณไปล้างรถที่ไหนมา?

1. จอดรถให้ถูกที่: ควรจอดรถในที่ที่ไม่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะจะทำให้รถแห้งเร็วและเป็นคราบแชมพูหรือคราบน้ำ (ก่อนที่คุณจะทันได้ล้างน้ำสะอาดหรือเช็ดรถเสียอีก) รวมถึงควรหาพื้นที่ที่มีความลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้น้ำไหลออกจากรถและไหลลงสู่ท่อระบายน้ำได้เร็วขึ้น รถจะแห้งเร็วโดยไม่เป็นคราบ และไม่ควรล้างรถใต้ต้นไม้หากคุณไม่อยากเจอใบไม้ร่วง ขี้นก หรือแมลงต่างๆ

2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม: ไม่ว่าจะเป็นแชมพูล้างรถ ถังน้ำ (2 ใบ) ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ แปรงขัดล้อ ผ้าชามัวร์ น้ำยาเคลือบเงา สเปรย์เคลือบล้อรถ ถุงมือ เพราะคงไม่ดีแน่หากคุณต้องหยุดล้างรถกลางคันเพื่อค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ

3. ล้างรถให้สะอาดก่อนลงแชมพู: ปรับแรงดันน้ำที่เครื่องฉีดน้ำหรือสายยางให้เหมาะสม ล้างรถให้ทั่วทุกจุดโดยเริ่มจากด้านบน ด้านล่าง ซุ้มล้อ ขั้นตอนนี้ไม่ได้ทำเพื่อให้รถเปียกเท่านั้น แต่เป็นการล้างสิ่งสกปรก เศษดิน คราบน้ำมันต่าง ๆ ที่อาจทำให้รถเป็นรอยเมื่อล้างด้วยฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์

4. เริ่มต้นด้วยล้อรถ: ลองนึกดูสิว่า หากคุณฉีดน้ำล้างรถก่อนแล้วค่อยล้างล้อรถ คุณจะต้องรับมือกับเศษดิน เศษหิน และสิ่งสกปรกบนพื้นที่พร้อมจะดีดใส่ตัวถัง (แล้วก็ล้างใหม่อีกรอบ) ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ล้างล้อรถให้สะอาดเสียก่อน ทิ้งน้ำยาล้างล้อรถไว้สักครู่เพื่อให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น แล้วจึงใช้แปรงขัดล้อทำความสะอาดทีละล้อจนครบ

5. ล้างรถให้สะอาด: หลังจากล้างล้อรถจนสะอาดแล้ว ให้ฉีดน้ำจากบนหลังคาลงสู่ด้านล่าง จากนั้นสวมถุงมือและผสมแชมพูล้างรถลงในถังน้ำ (คุณสามารถใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ที่ออกแบบมาเพื่อล้างรถ) เริ่มล้างจากส่วนหลังคาเช่นเดิม ขั้นตอนนี้ควรเตรียมถังน้ำไว้ 2 ใบ ใบแรกผสมแชมพูล้างรถไว้ ส่วนอีกใบใส่น้ำสะอาดไว้สำหรับจุ่มฟองน้ำและถุงมือสกปรก เพื่อล้างให้สะอาดเสียก่อนถึงจะจุ่มแชมพูล้างรถอีกครั้ง

6. เช็ดทำความสะอาดประตูและวงกบ: ใช้ผ้าชามัวร์สะอาดชุบน้ำเล็กน้อย เช็ดทำความสะอาดด้านในของประตูและวงกบ

7. เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าชามัวร์ 2 ผืน: ผ้าชามัวร์เป็นมิตรต่อสีและพื้นผิวของรถ (อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวมาเช็ดรถ เพราะอาจทำให้สีรถเป็นรอยขนแมว) หลังล้างรถจนสะอาดให้ใช้ผ้าชามัวร์ผืนแรกเช็ดคราบน้ำออกเบาๆ ให้ทั่วรถ จากนั้นให้ใช้ผ้าผืนที่สองเช็ดอีกครั้งเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ให้รถแห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณกระจกมองข้างที่มักจะมีน้ำหยดลงมาทำให้รถเป็นคราบได้

8. เคลือบรถให้เงางาม: หลังเช็ดทำความสะอาดรถจนแห้งสนิท (ไม่เหลือคราบน้ำ) ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะเคลือบรถให้เงางามเหมือนเข้า Car Care แล้วล่ะ

ทำความสะอาดเบาะรถ ลดกลิ่นเหม็นอับ

หลังจากทำความสะอาดภายนอกแล้ว อย่าลืมดูดฝุ่นและเช็ดทำความสะอาดภายในทุกซอกมุม เพราะอาจจะมีเศษอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม ที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในรถได้ นอกจากนี้ รถที่สะอาดทั้งด้านนอกและภายในยังสร้างความประทับใจให้เพื่อนร่วมทางอีกด้วย รวมถึงเบาะรถที่มีเทคนิคในการดูแลรักษาความสะอาดแตกต่างกัน นั่นคือ

  • เบาะหนังแท้: เบาะประเภทนี้ทำจากหนังสัตว์นำมาผ่านกระบวนการฟอกและย้อมสี ให้ความรู้สึกนุ่มสบายและสีสันสวยงาม วิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมคือการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำเปล่าบิดหมาดเช็ดให้ทั่ว ใช้แปรงที่มีขนนุ่มชุบน้ำยาทำความสะอาดหนังแท้ แล้วทำความสะอาดบริเวณที่สกปรก จากนั้นให้ผ้าเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งและใช้น้ำยาเคลือบเบาะหนังทาให้ทั่ว เพื่อปกป้องเบาะหนังแท้ให้ยืดหยุ่น สวยงาม และยืดอายุการใช้งาน
  • เบาะหนังเทียม: ผลิตจากพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูงอย่าง PVC หรือ PU ให้ความรู้สึกเหมือนเบาะหนังแท้ มีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย ไม่อมฝุ่น ไม่ดูดซับน้ำ วิธีทำความสะอาดให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ชุบน้ำผสมสบู่เหลวเพียงเล็กน้อยแล้วเช็ดเบาะ ไม่ควรชุบน้ำให้เปียกจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดความชื้นและมีกลิ่นเหม็นอับได้ แต่ถ้าเบาะรถสกปรกมากให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังขจัดคราบสกปรกออก เสร็จแล้วให้เคลือบดูแลรักษาด้วยน้ำยาเคลือบเบาะหนังอีกครั้ง
  • เบาะผ้า: แม้เบาะผ้าจะถ่ายเทความร้อนได้ดี นั่งแล้วไม่รู้สึกลื่นไหล แต่ก็อมฝุ่นและเปื้อนง่าย เก็บความชื้นได้ดีจึงทำให้มีกลิ่นอับชื้น เบาะผ้าทำความสะอาดยากกว่าเบาะปนะเภทอื่นๆ จึงควรดูดเศษผงและสิ่งสกปรกตามซอกหลืบให้สะอาดเสียก่อน ถ้าเบาะมีคราบให้ฉีดน้ำยาทำความสะอาดเบาะผ้าเล็กน้อย (อย่าชุ่มจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผ้าขึ้นราหรือเหม็นอับได้) และควรใช้ไดร์เป่าแห้งอีกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับ แต่ถ้าเบาะผ้าสกปรกมากแนะนำให้เข้า Car Care เพื่อถอดเบาะซักจะดีกว่า

ด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่เรานำมาฝากกันจะช่วยให้คุณล้างรถและทำความสะอาดเบาะรถได้อย่างถูกวิธี บอกลาน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพูสระผม และสบู่เหลว แล้วเปลี่ยนมาเลือกใช้แชมพูล้างรถที่มีคุณภาพจะดีกว่า เพื่อถนอมสีรถให้เงางามและสะอาดเหมือนรถใหม่อยู่เสมอ

เช่นเดียวกับที่ Cars24 เน้นการทำความสะอาดรถทุกคันของเราโดยทีมงานมืออาชีพ พร้อมตรวจเช็คสภาพรถโดยผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 150 จุด อยากรู้ว่ารถมือสองของเราสวยเหมือนใหม่แค่ไหนคลิกเข้าไปชมได้เลย >> www.cars24.co.th  

อ่านเพิ่มเติม