ต้องจัดสักคันแล้ว! 9 รถมือสองที่น่าเป็นเจ้าของในปี 2022

CARS24
CARS24
| อ่าน 2 นาที

ตลาดรถยนต์มือสองของไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผูกติดอยู่กับความเคลื่อนไหวของรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ซึ่งทุกครั้งที่มีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวจะส่งผลโดยตรงต่อรถยนต์รุ่นเก่า ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ทำให้ราคาขยับขึ้นและลงได้ตามกลไกของตลาด Cars24 รวบรวมข้อมูลรถมือสองที่น่าจับตามองในปี ค.ศ.2022 ว่ามีรุ่นใดควรใช้เรดาห์ติดตามบ้าง เนื่องจากจะมีความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

  1. Nissan Almera (รุ่นปี 2020-ปัจจุบัน) ราคา 4 แสนต้น-5 แสนบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ขนาดเล็ก คล่องตัว สดใหม่

- ราคาถูก

- เครื่องยนต์1.0 เทอร์โบ

- อะไหล่หาง่าย

- ศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

- วัสดุภายในคุณภาพสู้คู่แข่งในคลาสไม่ได้

- เสียงเครื่องยนต์ดัง

- เครื่องยนต์เป็นแบบ 3 สูบ เทอร์โบ

- ลูกค้าบางส่วนตำหนิการบริการหลังการขาย

กลายเป็นรถมือสองอย่างรวดเร็ว สำหรับโมเดลใหม่ล่าสุดของนิสสัน ถูกวางตำแหน่งให้โดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่า ดังนั้นราคามือสองจึงคุ้มค่ายิ่งขึ้นเพราะได้รถที่สภาพค่อนข้างใหม่แต่มีราคาถูกกว่ารถใหม่เกือบ2 แสนบาท หากซื้อAlmeraมือสองในช่วงปี2022 จะมีรถให้เลือกซื้อเยอะขึ้นและราคาคุ้มค่าที่สุด โดยยังอยู่ในการรับประกันอีกด้วย หากใช้ไปอีก 2-3 ปี ราคาจะหล่นอีกเพียงเล็กน้อย จนกว่าจะมีโฉมใหม่ออกมา ฉะนั้นเป็นรถที่คุ้มค่าน่าคบหาสำหรับคนงบประมาณน้อยแต่อยากได้รถค่อนข้างใหม่

2. Honda Civic gen10 (รุ่นปี2016-2021) ราคา 5 แสนกลาง- 1 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ซ่อมและอะไหล่หาง่าย

- ศูนย์บริการแพร่หลาย

- วัยรุ่นนิยม

- เครื่องยนต์กำลังสูง

- ราคาไม่ตก

 

- ชิ้นส่วนบางรายการเสื่อมไวกว่าที่คาด

- แบตเตอรี่เสื่อมไว

- ระบบแอร์มีเสียงรบกวน

- รถมักถูกใช้งานเยอะ

การเปิดตัวของ Honda Civicรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 11 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Honda Civic เจน10 อย่างรุนแรง เพราะมีการปรับเปลี่ยนหลากหลายอย่าง โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ยุติการทำตลาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เหลือทางเลือกเพียง 1.5 ลิตร เทอร์โบ ดังนั้น Honda Civic เจน10 ตัว 1.8 จากเดิมที่ประเมินว่าราคาจะร่วงหนัก กลับกลายเป็นว่า ราคายังทรงตัว เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของรถตระกูลนี้จำนวนไม่น้อยยังคงชื่นชอบเครื่องยนต์ที่ไม่มีเทอร์โบ รวมถึงรูปทรงที่มีสไตล์สปอร์ตมากกว่าตัวปัจจุบันทำให้กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเลือกซื้อมือสองเพื่อนำมาตกแต่ง

3. Honda HR-V (รุ่นปี 2014-2021) ราคา 4แสนกลาง-8แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- รูปลักษณ์ที่สวยงามโดนใจ

- อะไหล่หาง่าย

- ภายในกว้างเก็บของได้เยอะ

- เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแรงที่สุดในคลาส

- ราคาขายต่อแข็งแรง

- ระบบช่วงล่างซ่อมบำรุงไวว่าคาด

- ระบบกันสะเทือนค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่ม

- เสียงดังภายในห้องโดยสาร

- ระบบเสริมความปลอดภัยน้อยกว่าคู่แข่ง

ทันทีที่เจนเนอเรชั่น 2 ของ Honda HR-V เปิดตัวมา จากที่คาดหมายกันว่า ราคาของเจนเนอเรชั่นแรกจะหล่นลงอย่างหนัก กลับกลายเป็นว่า ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเหมือนเช่นเดิม เนื่องจากรุ่นใหม่นั้นมีเพียงทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตรเท่านั้น ทำให้ตัวเก่าที่เป็นเครื่องยนต์1.8 ลิตรยังมีอนาคตในตลาดมือสอง แม้ว่ารูปทรงและเทคโนโลยีต่างๆ จะอัพเกรดเพิ่มขึ้นจนต้องทึ่ง อย่างไรก็ตามยังคงประเมินไม่ได้ว่า เมื่อรถใหม่เริ่มมีการส่งมอบแล้ว เจ้าของเก่าจะทยอยขายHR-Vเก่าออกมามากจนทำให้ราคาร่วงหนักได้หรือไม่ ใครที่กำลังมองหาอยู่ต้องจับตาดูให้ดี

4. Isuzu D-Max (รุ่นปี 2012-2019) ราคา 3 แสนปลาย-8แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- แข็งแรง ทนทาน

- ประหยัดน้ำมัน

- ราคาขายต่อดี

- อะไหล่หาง่าย

- บริการหลังการขายยอดเยี่ยม

- แหนบต้องปรับตั้งสม่ำเสมอ

- ไฟเครื่องโชว์จาก EGR

- เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ

- เร่งแรงได้ไม่เท่าคู่แข่ง

กระบะยอดนิยมตลอดกาล หลังเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 1.9 ลิตร Ddi ออกมาแทนที่เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรในปี 2016 ส่งผลให้ต้องสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มลูกค้าอย่างหนัก เพราะยังมีความเชื่อฝังใจในเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรนั้นแรงและทนทานกว่า ซึ่งแม้ว่าจะผ่านมา 5 ปีแล้ว แต่ความเชื่อดังกล่าวยังคงมีอยู่ดังจะเห็นได้จากราคาของรถมือสองที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ยังแทบไม่แตกต่างเทียบกับรถรุ่นใหม่กว่า ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ซึ่งความเชื่อลักษณะเช่นนี้ ถือว่ายากในการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการอัพเกรดเทคโนโลยีอีกครั้ง

5. MG ZS EV (รุ่นปี 2020-ปัจจุบัน) ราคา 7แสนกลาง-9แสนบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน

- ราคามือสองพอๆกับรถอีโคคาร์ใหม่

- รถสภาพใหม่เปิดตัวไม่ถึง 2 ปี

- มีจุดชาร์จไฟฟ้าฟรี

- ยังอยู่ในรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี

- จุดชาร์จไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายทั่วประเทศ

- ความเสถียรของซอฟแวร์ในการใช้งาน

- ระยะทางวิ่งจริงราว 200 กว่า กิโลเมตร

- ชาร์จไฟยังต้องรอนาน

เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากลองใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังไม่อยากจ่ายเงินสูงหลักล้าน เมื่อหันมามอง MG ZS EV มือสองจะเห็นราคาที่อยู่ในระดับเดียวกับการออกรถอีโคคาร์ป้ายแดง ฉะนั้นใครที่บ่นว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพง เพียงแค่เปิดใจหารถยนต์ไฟฟ้ามือสองไว้ใช้งาน จ่ายถูกกว่าและยังได้รถที่สภาพใหม่อยู่ในการรับประกันคุณภาพด้วย ฉะนั้น MG ZS EV จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อนึ่งการมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยที่น่าจะกดดันให้ราคารถยนต์ไฟฟ้ามือสองถูกลงไปได้อีกหรือไม่ ยังเป็นประเด็นที่ยากจะประเมินจริงๆ เพราะราคาปัจจุบันถือว่าถูกลงค่อนข้างมากแล้ว

6. Toyota Sienta (รุ่นปี 2016-ปัจจุบัน) ราคา 4แสนกลาง-6แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 บาน

- มิติตัวถังกระทัดรัดเหมาะใช้งานในเมือง

- ประหยัดน้ำมัน

- ทนทาน ซ่อมง่าย

- ซื้อง่ายขายคล่อง

- รูปลักษณ์ภายนอกแปลกตา

- ประกอบจากอินโดนีเซีย

- เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 108 แรงม้า 

- เสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร

หากคุณกำลังมองหารถอเนกประสงค์แบบMPV ขนาดกระทัดรัดสักหนึ่งคัน Toyota Sienta คือหนึ่งในตัวเลือกที่แนะนำ ด้วยคุณสมบัติประตูสไลด์ไฟฟ้า ทำให้เข้า-ออกสะดวก และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อต้องเดินทางเป็นครอบครัว รวมถึงสามารถขนสัมภาระได้เยอะ โดยราคามือสองลดลงมาถึงจุดต่ำสุดของรถประเภทนี้แล้ว ฉะนั้น ราคาจะอยู่แถวนี้อีกหลายปีกว่าจะมีการขยับอีกครั้ง Toyota Sienta จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

7. Toyota Supra (รุ่นปี 1993-2002) ราคา 2 ล้าน-3 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ความแรงระดับ 280 แรงม้า

- รูปทรงสปอร์ตยุค 90

- ซ่อมง่าย อะไหล่เครื่องยนต์หาไม่ยาก

- มีความต้องการจากฝั่งตะวันตก

- ขึ้นแท่น Rare itemราคาไม่ตกแล้ว

- ที่มาของรถถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

- กินน้ำมันดุ

- อะไหล่จำพวกยางต่างๆ เริ่มหายาก

 

การกลับมาทำตลาดใหม่อีกครั้งของ Toyota Supra J29 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Toyota Supra JZA80 ที่เป็นตำนานของรถในยุค 90 ประกอบกับกระแส JDM ของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาที่นำเข้ารถสปอร์ตมือสองจากญี่ปุ่น หลังมีการเปิดให้นำเข้าได้ ทำให้ราคาของรถสปอร์ตญี่ปุ่นมือสองขยับขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิมเมื่อราวต้นปี 2020 Toyota Supra ราคาอยู่ประมาณ 1.2-1.5ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคา 2 ล้านขึ้นไปทุกคัน จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ปีหน้าราคาจะมีการขยับขึ้นอีกหรือไม่ เพราะจำนวนรถเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ

8.Mercedes-Benz S-Class W222 (รุ่นปี 2014-2021) ราคา 1.8 ล้านบาท-4 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- หรูหราที่สุดของ Mercedes-Benz

- เบาะหลังนั่งสบายกว่าเบาะหน้า

- เทคโนโลยีทันสมัย

- ระบบความปลอดภัยระดับสูงสุด

-  ถูกมองว่าเป็นเศรษฐี

- ค่าบำรุงดูแลรักษาสูงมาก

- ระบบต่างๆ ละเอียดมาก จะพบการเตือนบ่อย

- อะไหล่หลายชิ้นราคาแพงมาก

- กินน้ำมันมาก

การแพร่ระบาดของโควิด19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Mercedes-Benz S-Class ในฐานะรถลีมูซีนของโรงแรมและผู้ประกอบการรถเช่าระดับหรูที่เอาไว้ใช้ต้อนรับแขกระดับ VIP ทำให้ มีการขายรถออกจากพอร์ตของบริษัทฯ เหล่านั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาตกลงไปอย่างหนักกว่าปกติ รวมถึงการเปิดตัวโฉมใหม่ของ S-Class รหัส V223 ในปี 2021 ยิ่งส่งผลกดดันให้ราคาของ S-Class W222 ยิ่งตกลงไปอย่างชัดเจน จึงเป็นโอกาสของผู้อยากครอบครองรถยนต์ที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดของแบรนด์ Mercedes-Benz ขณะที่ผู้ประกอบการรถมือสองที่รับซื้อรถเข้ามาต้องประเมินความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

9. Porsche Cayenne (รุ่นปี 2010-2017) ราคา 1.9 ล้านบาท-4 ล้านกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ได้ที่จอดซูเปอร์คาร์

- สปอร์ตหรูหรา

- ทนทาน ค่าบำรุงรักษาต่ำ

- สมรรถนะและความแรงระดับซูเปอร์คาร์

- การบริการหลังการขายยอดเยี่ยม

- ค่าอะไหล่ราคาสูง

- ศูนย์บริการมีเพียง 2 แห่ง

- ตรวจสอบที่มาของรถว่าถูกกฎหมาย

- ควรเลือกรถที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

หนึ่งในรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับหรูหรา ที่ราคากำลังปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก หลังจากที่รถรุ่นใหม่ซึ่งจำหน่ายผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการมีการประกาศราคาต่ำกว่าเดิมค่อนข้างจนทำให้ Cayenne มือสองมีราคาปรับตัวลดลงตามราคารถใหม่ ทำให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดในปีนี้รถสปอร์ตระดับหรูมีการปรับราคาเพิ่มสูงจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ส่งผลให้ราคารถมือสองในตลาดอาจจะมีการปรับตัวสูงขึ้นตามได้ ดังนั้นในปี 2022 หากทิศทางของค่าเงินบาทยังอ่อนตัวต่อเนื่อง หากมีการปรับราคารถยนต์ใหม่ป้ายแดงสูงขึ้นอีก ราคารถมือสองมักจะขยับเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดคือรถมือสอง 9 รุ่นที่ CARS24 คัดสรรมาด้วยความเป็นรถที่มีเรื่องราวน่าสนใจอยู่ในกระแส แต่จะตรงกับความต้องการของท่านผู้อ่านหรือไม่ สามารถแนะนำติชมเข้ามาได้ เพื่อให้เวปไซต์ CAR24 เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดช่วยประกอบการตัดสินใจการหารถยนต์มือสองคู่ใจของท่านสักหนึ่งคัน

ตลาดรถยนต์มือสองของไทย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผูกติดอยู่กับความเคลื่อนไหวของรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ซึ่งทุกครั้งที่มีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวจะส่งผลโดยตรงต่อรถยนต์รุ่นเก่า ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ทำให้ราคาขยับขึ้นและลงได้ตามกลไกของตลาด Cars24 รวบรวมข้อมูลรถมือสองที่น่าจับตามองในปี ค.ศ.2022 ว่ามีรุ่นใดควรใช้เรดาห์ติดตามบ้าง เนื่องจากจะมีความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

  1. Nissan Almera (รุ่นปี 2020-ปัจจุบัน) ราคา 4 แสนต้น-5 แสนบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ขนาดเล็ก คล่องตัว สดใหม่

- ราคาถูก

- เครื่องยนต์1.0 เทอร์โบ

- อะไหล่หาง่าย

- ศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ

- วัสดุภายในคุณภาพสู้คู่แข่งในคลาสไม่ได้

- เสียงเครื่องยนต์ดัง

- เครื่องยนต์เป็นแบบ 3 สูบ เทอร์โบ

- ลูกค้าบางส่วนตำหนิการบริการหลังการขาย

กลายเป็นรถมือสองอย่างรวดเร็ว สำหรับโมเดลใหม่ล่าสุดของนิสสัน ถูกวางตำแหน่งให้โดดเด่นในเรื่องของความคุ้มค่า ดังนั้นราคามือสองจึงคุ้มค่ายิ่งขึ้นเพราะได้รถที่สภาพค่อนข้างใหม่แต่มีราคาถูกกว่ารถใหม่เกือบ2 แสนบาท หากซื้อAlmeraมือสองในช่วงปี2022 จะมีรถให้เลือกซื้อเยอะขึ้นและราคาคุ้มค่าที่สุด โดยยังอยู่ในการรับประกันอีกด้วย หากใช้ไปอีก 2-3 ปี ราคาจะหล่นอีกเพียงเล็กน้อย จนกว่าจะมีโฉมใหม่ออกมา ฉะนั้นเป็นรถที่คุ้มค่าน่าคบหาสำหรับคนงบประมาณน้อยแต่อยากได้รถค่อนข้างใหม่

2. Honda Civic gen10 (รุ่นปี2016-2021) ราคา 5 แสนกลาง- 1 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ซ่อมและอะไหล่หาง่าย

- ศูนย์บริการแพร่หลาย

- วัยรุ่นนิยม

- เครื่องยนต์กำลังสูง

- ราคาไม่ตก

 

- ชิ้นส่วนบางรายการเสื่อมไวกว่าที่คาด

- แบตเตอรี่เสื่อมไว

- ระบบแอร์มีเสียงรบกวน

- รถมักถูกใช้งานเยอะ

การเปิดตัวของ Honda Civicรุ่นใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 11 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Honda Civic เจน10 อย่างรุนแรง เพราะมีการปรับเปลี่ยนหลากหลายอย่าง โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ยุติการทำตลาดเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เหลือทางเลือกเพียง 1.5 ลิตร เทอร์โบ ดังนั้น Honda Civic เจน10 ตัว 1.8 จากเดิมที่ประเมินว่าราคาจะร่วงหนัก กลับกลายเป็นว่า ราคายังทรงตัว เนื่องจากกลุ่มลูกค้าของรถตระกูลนี้จำนวนไม่น้อยยังคงชื่นชอบเครื่องยนต์ที่ไม่มีเทอร์โบ รวมถึงรูปทรงที่มีสไตล์สปอร์ตมากกว่าตัวปัจจุบันทำให้กลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเลือกซื้อมือสองเพื่อนำมาตกแต่ง

3. Honda HR-V (รุ่นปี 2014-2021) ราคา 4แสนกลาง-8แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- รูปลักษณ์ที่สวยงามโดนใจ

- อะไหล่หาง่าย

- ภายในกว้างเก็บของได้เยอะ

- เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแรงที่สุดในคลาส

- ราคาขายต่อแข็งแรง

- ระบบช่วงล่างซ่อมบำรุงไวว่าคาด

- ระบบกันสะเทือนค่อนข้างแข็ง ไม่นุ่ม

- เสียงดังภายในห้องโดยสาร

- ระบบเสริมความปลอดภัยน้อยกว่าคู่แข่ง

ทันทีที่เจนเนอเรชั่น 2 ของ Honda HR-V เปิดตัวมา จากที่คาดหมายกันว่า ราคาของเจนเนอเรชั่นแรกจะหล่นลงอย่างหนัก กลับกลายเป็นว่า ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงเหมือนเช่นเดิม เนื่องจากรุ่นใหม่นั้นมีเพียงทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.5 ลิตรเท่านั้น ทำให้ตัวเก่าที่เป็นเครื่องยนต์1.8 ลิตรยังมีอนาคตในตลาดมือสอง แม้ว่ารูปทรงและเทคโนโลยีต่างๆ จะอัพเกรดเพิ่มขึ้นจนต้องทึ่ง อย่างไรก็ตามยังคงประเมินไม่ได้ว่า เมื่อรถใหม่เริ่มมีการส่งมอบแล้ว เจ้าของเก่าจะทยอยขายHR-Vเก่าออกมามากจนทำให้ราคาร่วงหนักได้หรือไม่ ใครที่กำลังมองหาอยู่ต้องจับตาดูให้ดี

4. Isuzu D-Max (รุ่นปี 2012-2019) ราคา 3 แสนปลาย-8แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- แข็งแรง ทนทาน

- ประหยัดน้ำมัน

- ราคาขายต่อดี

- อะไหล่หาง่าย

- บริการหลังการขายยอดเยี่ยม

- แหนบต้องปรับตั้งสม่ำเสมอ

- ไฟเครื่องโชว์จาก EGR

- เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ

- เร่งแรงได้ไม่เท่าคู่แข่ง

กระบะยอดนิยมตลอดกาล หลังเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 1.9 ลิตร Ddi ออกมาแทนที่เครื่องยนต์ 2.5 ลิตรในปี 2016 ส่งผลให้ต้องสร้างความเชื่อมั่นกับกลุ่มลูกค้าอย่างหนัก เพราะยังมีความเชื่อฝังใจในเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรนั้นแรงและทนทานกว่า ซึ่งแม้ว่าจะผ่านมา 5 ปีแล้ว แต่ความเชื่อดังกล่าวยังคงมีอยู่ดังจะเห็นได้จากราคาของรถมือสองที่ใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ยังแทบไม่แตกต่างเทียบกับรถรุ่นใหม่กว่า ที่ใช้เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร ซึ่งความเชื่อลักษณะเช่นนี้ ถือว่ายากในการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการอัพเกรดเทคโนโลยีอีกครั้ง

5. MG ZS EV (รุ่นปี 2020-ปัจจุบัน) ราคา 7แสนกลาง-9แสนบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำมัน

- ราคามือสองพอๆกับรถอีโคคาร์ใหม่

- รถสภาพใหม่เปิดตัวไม่ถึง 2 ปี

- มีจุดชาร์จไฟฟ้าฟรี

- ยังอยู่ในรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี

- จุดชาร์จไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายทั่วประเทศ

- ความเสถียรของซอฟแวร์ในการใช้งาน

- ระยะทางวิ่งจริงราว 200 กว่า กิโลเมตร

- ชาร์จไฟยังต้องรอนาน

เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากลองใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแต่ยังไม่อยากจ่ายเงินสูงหลักล้าน เมื่อหันมามอง MG ZS EV มือสองจะเห็นราคาที่อยู่ในระดับเดียวกับการออกรถอีโคคาร์ป้ายแดง ฉะนั้นใครที่บ่นว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพง เพียงแค่เปิดใจหารถยนต์ไฟฟ้ามือสองไว้ใช้งาน จ่ายถูกกว่าและยังได้รถที่สภาพใหม่อยู่ในการรับประกันคุณภาพด้วย ฉะนั้น MG ZS EV จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง อนึ่งการมีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยที่น่าจะกดดันให้ราคารถยนต์ไฟฟ้ามือสองถูกลงไปได้อีกหรือไม่ ยังเป็นประเด็นที่ยากจะประเมินจริงๆ เพราะราคาปัจจุบันถือว่าถูกลงค่อนข้างมากแล้ว

6. Toyota Sienta (รุ่นปี 2016-ปัจจุบัน) ราคา 4แสนกลาง-6แสนกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 บาน

- มิติตัวถังกระทัดรัดเหมาะใช้งานในเมือง

- ประหยัดน้ำมัน

- ทนทาน ซ่อมง่าย

- ซื้อง่ายขายคล่อง

- รูปลักษณ์ภายนอกแปลกตา

- ประกอบจากอินโดนีเซีย

- เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 108 แรงม้า 

- เสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร

หากคุณกำลังมองหารถอเนกประสงค์แบบMPV ขนาดกระทัดรัดสักหนึ่งคัน Toyota Sienta คือหนึ่งในตัวเลือกที่แนะนำ ด้วยคุณสมบัติประตูสไลด์ไฟฟ้า ทำให้เข้า-ออกสะดวก และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อต้องเดินทางเป็นครอบครัว รวมถึงสามารถขนสัมภาระได้เยอะ โดยราคามือสองลดลงมาถึงจุดต่ำสุดของรถประเภทนี้แล้ว ฉะนั้น ราคาจะอยู่แถวนี้อีกหลายปีกว่าจะมีการขยับอีกครั้ง Toyota Sienta จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

7. Toyota Supra (รุ่นปี 1993-2002) ราคา 2 ล้าน-3 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ความแรงระดับ 280 แรงม้า

- รูปทรงสปอร์ตยุค 90

- ซ่อมง่าย อะไหล่เครื่องยนต์หาไม่ยาก

- มีความต้องการจากฝั่งตะวันตก

- ขึ้นแท่น Rare itemราคาไม่ตกแล้ว

- ที่มาของรถถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

- กินน้ำมันดุ

- อะไหล่จำพวกยางต่างๆ เริ่มหายาก

 

การกลับมาทำตลาดใหม่อีกครั้งของ Toyota Supra J29 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Toyota Supra JZA80 ที่เป็นตำนานของรถในยุค 90 ประกอบกับกระแส JDM ของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาที่นำเข้ารถสปอร์ตมือสองจากญี่ปุ่น หลังมีการเปิดให้นำเข้าได้ ทำให้ราคาของรถสปอร์ตญี่ปุ่นมือสองขยับขึ้นอย่างน่าตกใจ จากเดิมเมื่อราวต้นปี 2020 Toyota Supra ราคาอยู่ประมาณ 1.2-1.5ล้านบาท แต่ปัจจุบันราคา 2 ล้านขึ้นไปทุกคัน จึงเป็นที่น่าสนใจว่า ปีหน้าราคาจะมีการขยับขึ้นอีกหรือไม่ เพราะจำนวนรถเริ่มน้อยลงไปเรื่อยๆ

8.Mercedes-Benz S-Class W222 (รุ่นปี 2014-2021) ราคา 1.8 ล้านบาท-4 ล้านบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- หรูหราที่สุดของ Mercedes-Benz

- เบาะหลังนั่งสบายกว่าเบาะหน้า

- เทคโนโลยีทันสมัย

- ระบบความปลอดภัยระดับสูงสุด

-  ถูกมองว่าเป็นเศรษฐี

- ค่าบำรุงดูแลรักษาสูงมาก

- ระบบต่างๆ ละเอียดมาก จะพบการเตือนบ่อย

- อะไหล่หลายชิ้นราคาแพงมาก

- กินน้ำมันมาก

การแพร่ระบาดของโควิด19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Mercedes-Benz S-Class ในฐานะรถลีมูซีนของโรงแรมและผู้ประกอบการรถเช่าระดับหรูที่เอาไว้ใช้ต้อนรับแขกระดับ VIP ทำให้ มีการขายรถออกจากพอร์ตของบริษัทฯ เหล่านั้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาตกลงไปอย่างหนักกว่าปกติ รวมถึงการเปิดตัวโฉมใหม่ของ S-Class รหัส V223 ในปี 2021 ยิ่งส่งผลกดดันให้ราคาของ S-Class W222 ยิ่งตกลงไปอย่างชัดเจน จึงเป็นโอกาสของผู้อยากครอบครองรถยนต์ที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดของแบรนด์ Mercedes-Benz ขณะที่ผู้ประกอบการรถมือสองที่รับซื้อรถเข้ามาต้องประเมินความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

9. Porsche Cayenne (รุ่นปี 2010-2017) ราคา 1.9 ล้านบาท-4 ล้านกว่าบาท

จุดเด่น

ข้อควรคำนึง

- ได้ที่จอดซูเปอร์คาร์

- สปอร์ตหรูหรา

- ทนทาน ค่าบำรุงรักษาต่ำ

- สมรรถนะและความแรงระดับซูเปอร์คาร์

- การบริการหลังการขายยอดเยี่ยม

- ค่าอะไหล่ราคาสูง

- ศูนย์บริการมีเพียง 2 แห่ง

- ตรวจสอบที่มาของรถว่าถูกกฎหมาย

- ควรเลือกรถที่ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

หนึ่งในรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับหรูหรา ที่ราคากำลังปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก หลังจากที่รถรุ่นใหม่ซึ่งจำหน่ายผ่านตัวแทนอย่างเป็นทางการมีการประกาศราคาต่ำกว่าเดิมค่อนข้างจนทำให้ Cayenne มือสองมีราคาปรับตัวลดลงตามราคารถใหม่ ทำให้สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดในปีนี้รถสปอร์ตระดับหรูมีการปรับราคาเพิ่มสูงจากค่าเงินบาทที่อ่อนตัว ส่งผลให้ราคารถมือสองในตลาดอาจจะมีการปรับตัวสูงขึ้นตามได้ ดังนั้นในปี 2022 หากทิศทางของค่าเงินบาทยังอ่อนตัวต่อเนื่อง หากมีการปรับราคารถยนต์ใหม่ป้ายแดงสูงขึ้นอีก ราคารถมือสองมักจะขยับเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดคือรถมือสอง 9 รุ่นที่ CARS24 คัดสรรมาด้วยความเป็นรถที่มีเรื่องราวน่าสนใจอยู่ในกระแส แต่จะตรงกับความต้องการของท่านผู้อ่านหรือไม่ สามารถแนะนำติชมเข้ามาได้ เพื่อให้เวปไซต์ CAR24 เป็นเสมือนเพื่อนคู่คิดช่วยประกอบการตัดสินใจการหารถยนต์มือสองคู่ใจของท่านสักหนึ่งคัน

อ่านเพิ่มเติม