เทคนิค ดูรถมือสอง ตามคำแนะนำจากกูรู ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง
รวมเทคนิค ดูรถมือสอง ตามคำแนะนำจากกูรู ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง เพื่อหลีกเลี่ยงรถชนหนัก จมน้ำ หรือกรอไมล์ จะต้องเช็คอะไรบ้าง ไปดูกัน
เชื่อว่า หลายคนมักจะกังวลใจเกี่ยวกับการเลือก ดูรถมือสอง ก่อนจะเป็นเจ้าของรถยนต์มือสองสักคัน ไหนจะกลัวโดนหลอก เอาเปรียบ หรือย้อมแมวขาย เพราะเทคนิคฝีมือช่างทุกวันนี้พัฒนาไปไกลจริง ๆ ต่อให้คุณจะเคยศึกษาเรื่องรถมือสองมาแล้วก็อาจจะผิดพลาดกันได้ กูรูของ Cars24 จะมาแนะนำวิธีดูรถมือสองว่าคันไหนเคยชนหนัก จมน้ำ กรอไมล์ วิธีเช็คประวัติรถมือสอง เพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพไม่โดนหลอกขายอย่างแน่นอน!
ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง
เทคนิคดูรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง
1.) รถมือสองที่ดี เล่มทะเบียนรถต้องไม่น่าสงสัย
เล่มทะเบียนรถเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้าม แล้วไปดูที่ตัวรถกันก่อนเป็นประจำ ซึ่งที่จริงแล้วเล่มทะเบียนรถบอกอะไรได้หลายอย่าง
โดยเฉพาะรถที่ถูกชนหนักจากด้านหน้า ส่วนใหญ่จะมีการตัดหัวมาต่อใหม่ จุดนี้สามารถคุณตรวจสอบได้ด้วยการดูเลขตัวถังและเลขเครื่องว่าตรงกับในสมุดคู่มือทะเบียนรถหรือไม่
รถบางรุ่นจะระบุตำแหน่งเลขตัวถังต่างกัน ถ้าเห็นว่าเลขไม่ตรง หรือสติ๊กเกอร์ใต้ฝากระโปรงถูกเปลี่ยน หรือหายไป ให้คาดเดาไว้ก่อนว่ารถคันนี้มีกลิ่นไม่ดีแน่นอน
2.) เช็ครอยอาร์คจุดเล็กๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่
“รอยอาร์ค” หรือรอยที่เกิดจากการเชื่อมชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถยนต์จะอยู่บริเวณคานรถ ถ้าเปิดฝากระโปรงจะเห็นคานด้านซ้ายและขวา ซึ่งจะเห็นจุดอาร์คที่เป็นรอยจากการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงาน รอยอาร์คนี้จะเป็นจุดที่มีระยะห่างเท่า ๆ กัน
ส่วนใหญ่ถ้ามีการชนหนัก โครงสร้างคานรถมีการบิดตัวอาจจะทำให้มีชิ้นส่วนที่ชำรุดส่งผลให้รอยอาร์คไม่ปกติ
เมื่อมีการซ่อมแซม เคาะ ปะผุ โป๊ว ทำสีใหม่ ความหนาของสีจะหนากว่าปกติ ทำให้รอยอาร์คมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ และควรเทียบทั้งสองข้างว่ามีจุดไหนที่หายไปหรือไม่
3.) หัวน็อตต้องไม่มีรอย สีแต้มต้องไม่หายไป
นี่เป็นจุดเล็ก ๆ อีกแล้วและเรื่องของหัวน็อตมองออกง่าย ลักษณะของหัวน็อตที่ยึดชิ้นส่วนภายในห้องเครื่องจะต้องไม่มีร่องรอยการถูกประแจขัน
แต่ด้วยฝีมือช่างซ่อมทุกวันนี้เทคนิคแพรวพราวอาจมีเทคนิคการขันประแจให้หัวน็อตไร้ร่องรอยได้ ลองดูให้ดี ๆ ที่หัวน็อตมักจะมีรอยสีแต้มเอาไว้ด้วยเสมอ
ซึ่งสีจะแต้มเป็นเส้นตรงจากหัวน็อตไปยังพื้นผิวที่ถูกยึด ถ้าดูแล้วมีรอยที่มีการขยับ รอยไม่เป็นเส้นเดียวกัน หรือรอยแต้มสีหายไป มีโอกาสที่รถคันนั้นจะถูกซ่อมแซมจากการถูกชนหนักได้เช่นกัน
4.) กรอเลขไมล์ ดูยังไงให้รู้ว่ารถโดนกรอมา
เรื่องนี้ออกจะยากสักหน่อย ซึ่งการกรอเลขไมล์มีจริง ๆ และสามารถกรอเลขไมล์ได้ทั้งเลขไมล์ที่เป็นแบบตัวเลขหมุนและแบบดิจิทัล ยิ่งตอนนี้มีอุปกรณ์ที่ช่วยให้กรอเลขไมล์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ถ้าเจอรถที่เลขไมล์น้อย ๆ (เฉลี่ยนรถอายุ 1 ปี ถ้ามีการใช้งานปกติ ควรมีเลขไมล์จะอยู่ที่ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร)
วิธีเช็คอย่างแรกให้ดูสภาพรถว่าสมบูรณ์ ไม่มีอะไรที่อยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ภายในต้องดูใส ไม่ช้ำ ไม่โทรม ไม่มีรอยขูดขีด ปีกเบาะต้องไม่ยุบ หัวเกียร์ไม่มีรอยถลอก สติ๊กเกอร์เลขเครื่องยังติดอยู่กับเครื่อง
และกลับไปดูที่คู่มือการเข้าเซอร์วิสว่า รถมีข้อมูลการเข้าเช็คระยะมาเท่าไหร่ เช็คระยะมากี่ครั้ง แล้วประเมินเลขไมล์ตามบันทึกการซ่อมบำรุง ถ้าเป็นรถที่ใช้เลขไมล์แบบตัวเลขหมุน ให้ดูที่น็อตยึดแผงมาตรวัดและให้ดูว่าอยู่ในสภาพที่ไม่เคยถูกถอดออกหรือไม่ แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้เลขไมล์แบบดิจิตอล ให้ขอนำรถไปเข้าศูนย์เพื่ออ่านค่าเลขไมล์จะเป็นการเช็คแบบชัดเจนที่สุด
5.) รถจมน้ำต้องดูอย่างไร
สังเกตง่ายๆ รถที่จมน้ำจะเกิดความชื้น และจะต้องมีกลิ่นอับชื้น มีราขึ้น ยิ่งถ้าท่วมมานาน กลิ่นจะยิ่งชัดเจนขึ้น
แม้ว่าจะถูกทำความสะอาดแล้ว ให้เช็ครอยคราบน้ำ คราบสนิม มักจะทิ้งรอยเอาไว้เสมอตามซอกมุมต่างๆ ให้ดูตามห้องเครื่อง ที่เก็บยางอะไหล่ บานพับประตู หัวน็อต พื้นรถ และตามจุดที่สามารถเปิดดูได้
เพราะการแกะรถทั้งคันออกมาดูเป็นเรื่องยาก เจ้าของรถหรือเจ้าของเต้นท์คงไม่ยอมแน่ๆ รวมทั้งตรวจเช็คก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หรือกระปุกน้ำมันต่างๆ ของเหลวข้างในต้องไม่ขุ่นข้นจากการมีน้ำเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่อง และมีอีกจุดที่ควรเช็คคือ ปลั๊กและจุดต่อระบบไฟต่างๆ ขั้วต่อไม่ควรมีคราบสนิมด้วยเช่นกัน
ข้อมูลที่แนะนำนี้ เป็นเพียงวิธี ดูรถมือสอง เบื้องต้นที่พอจะช่วยให้เช็คสภาพรถด้วยตัวเอง แต่ถ้าอยากได้รถมือสองที่เช็คประวัติและที่มาที่ไปมาอย่างพิถีพิถัน มั่นใจไม่เคยชนหนัก ไม่กรอไมล์ ไม่จมน้ำ ไม่ย้อมแมวขาย และผ่านการตรวจเช็คสภาพมาแล้วกว่า 150 จุดโดยผู้เชี่ยวชาญฯ อย่างพิถีพิถัน รถทุกคันเราเป็นเจ้าของต้อง Cars24 เท่านั้น
สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.
เชื่อว่า หลายคนมักจะกังวลใจเกี่ยวกับการเลือก ดูรถมือสอง ก่อนจะเป็นเจ้าของรถยนต์มือสองสักคัน ไหนจะกลัวโดนหลอก เอาเปรียบ หรือย้อมแมวขาย เพราะเทคนิคฝีมือช่างทุกวันนี้พัฒนาไปไกลจริง ๆ ต่อให้คุณจะเคยศึกษาเรื่องรถมือสองมาแล้วก็อาจจะผิดพลาดกันได้ กูรูของ Cars24 จะมาแนะนำวิธีดูรถมือสองว่าคันไหนเคยชนหนัก จมน้ำ กรอไมล์ วิธีเช็คประวัติรถมือสอง เพื่อให้ได้รถที่มีคุณภาพไม่โดนหลอกขายอย่างแน่นอน!
ซื้อรถมือสองต้องดูอะไรบ้าง
เทคนิคดูรถมือสอง ต้องดูอะไรบ้าง
1.) รถมือสองที่ดี เล่มทะเบียนรถต้องไม่น่าสงสัย
เล่มทะเบียนรถเป็นสิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้าม แล้วไปดูที่ตัวรถกันก่อนเป็นประจำ ซึ่งที่จริงแล้วเล่มทะเบียนรถบอกอะไรได้หลายอย่าง
โดยเฉพาะรถที่ถูกชนหนักจากด้านหน้า ส่วนใหญ่จะมีการตัดหัวมาต่อใหม่ จุดนี้สามารถคุณตรวจสอบได้ด้วยการดูเลขตัวถังและเลขเครื่องว่าตรงกับในสมุดคู่มือทะเบียนรถหรือไม่
รถบางรุ่นจะระบุตำแหน่งเลขตัวถังต่างกัน ถ้าเห็นว่าเลขไม่ตรง หรือสติ๊กเกอร์ใต้ฝากระโปรงถูกเปลี่ยน หรือหายไป ให้คาดเดาไว้ก่อนว่ารถคันนี้มีกลิ่นไม่ดีแน่นอน
2.) เช็ครอยอาร์คจุดเล็กๆ ที่เป็นเรื่องใหญ่
“รอยอาร์ค” หรือรอยที่เกิดจากการเชื่อมชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถยนต์จะอยู่บริเวณคานรถ ถ้าเปิดฝากระโปรงจะเห็นคานด้านซ้ายและขวา ซึ่งจะเห็นจุดอาร์คที่เป็นรอยจากการประกอบชิ้นส่วนจากโรงงาน รอยอาร์คนี้จะเป็นจุดที่มีระยะห่างเท่า ๆ กัน
ส่วนใหญ่ถ้ามีการชนหนัก โครงสร้างคานรถมีการบิดตัวอาจจะทำให้มีชิ้นส่วนที่ชำรุดส่งผลให้รอยอาร์คไม่ปกติ
เมื่อมีการซ่อมแซม เคาะ ปะผุ โป๊ว ทำสีใหม่ ความหนาของสีจะหนากว่าปกติ ทำให้รอยอาร์คมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเหมือนปกติ และควรเทียบทั้งสองข้างว่ามีจุดไหนที่หายไปหรือไม่
3.) หัวน็อตต้องไม่มีรอย สีแต้มต้องไม่หายไป
นี่เป็นจุดเล็ก ๆ อีกแล้วและเรื่องของหัวน็อตมองออกง่าย ลักษณะของหัวน็อตที่ยึดชิ้นส่วนภายในห้องเครื่องจะต้องไม่มีร่องรอยการถูกประแจขัน
แต่ด้วยฝีมือช่างซ่อมทุกวันนี้เทคนิคแพรวพราวอาจมีเทคนิคการขันประแจให้หัวน็อตไร้ร่องรอยได้ ลองดูให้ดี ๆ ที่หัวน็อตมักจะมีรอยสีแต้มเอาไว้ด้วยเสมอ
ซึ่งสีจะแต้มเป็นเส้นตรงจากหัวน็อตไปยังพื้นผิวที่ถูกยึด ถ้าดูแล้วมีรอยที่มีการขยับ รอยไม่เป็นเส้นเดียวกัน หรือรอยแต้มสีหายไป มีโอกาสที่รถคันนั้นจะถูกซ่อมแซมจากการถูกชนหนักได้เช่นกัน
4.) กรอเลขไมล์ ดูยังไงให้รู้ว่ารถโดนกรอมา
เรื่องนี้ออกจะยากสักหน่อย ซึ่งการกรอเลขไมล์มีจริง ๆ และสามารถกรอเลขไมล์ได้ทั้งเลขไมล์ที่เป็นแบบตัวเลขหมุนและแบบดิจิทัล ยิ่งตอนนี้มีอุปกรณ์ที่ช่วยให้กรอเลขไมล์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ถ้าเจอรถที่เลขไมล์น้อย ๆ (เฉลี่ยนรถอายุ 1 ปี ถ้ามีการใช้งานปกติ ควรมีเลขไมล์จะอยู่ที่ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร)
วิธีเช็คอย่างแรกให้ดูสภาพรถว่าสมบูรณ์ ไม่มีอะไรที่อยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม ภายในต้องดูใส ไม่ช้ำ ไม่โทรม ไม่มีรอยขูดขีด ปีกเบาะต้องไม่ยุบ หัวเกียร์ไม่มีรอยถลอก สติ๊กเกอร์เลขเครื่องยังติดอยู่กับเครื่อง
และกลับไปดูที่คู่มือการเข้าเซอร์วิสว่า รถมีข้อมูลการเข้าเช็คระยะมาเท่าไหร่ เช็คระยะมากี่ครั้ง แล้วประเมินเลขไมล์ตามบันทึกการซ่อมบำรุง ถ้าเป็นรถที่ใช้เลขไมล์แบบตัวเลขหมุน ให้ดูที่น็อตยึดแผงมาตรวัดและให้ดูว่าอยู่ในสภาพที่ไม่เคยถูกถอดออกหรือไม่ แต่ถ้าเป็นรถที่ใช้เลขไมล์แบบดิจิตอล ให้ขอนำรถไปเข้าศูนย์เพื่ออ่านค่าเลขไมล์จะเป็นการเช็คแบบชัดเจนที่สุด
5.) รถจมน้ำต้องดูอย่างไร
สังเกตง่ายๆ รถที่จมน้ำจะเกิดความชื้น และจะต้องมีกลิ่นอับชื้น มีราขึ้น ยิ่งถ้าท่วมมานาน กลิ่นจะยิ่งชัดเจนขึ้น
แม้ว่าจะถูกทำความสะอาดแล้ว ให้เช็ครอยคราบน้ำ คราบสนิม มักจะทิ้งรอยเอาไว้เสมอตามซอกมุมต่างๆ ให้ดูตามห้องเครื่อง ที่เก็บยางอะไหล่ บานพับประตู หัวน็อต พื้นรถ และตามจุดที่สามารถเปิดดูได้
เพราะการแกะรถทั้งคันออกมาดูเป็นเรื่องยาก เจ้าของรถหรือเจ้าของเต้นท์คงไม่ยอมแน่ๆ รวมทั้งตรวจเช็คก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง หรือกระปุกน้ำมันต่างๆ ของเหลวข้างในต้องไม่ขุ่นข้นจากการมีน้ำเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่อง และมีอีกจุดที่ควรเช็คคือ ปลั๊กและจุดต่อระบบไฟต่างๆ ขั้วต่อไม่ควรมีคราบสนิมด้วยเช่นกัน
ข้อมูลที่แนะนำนี้ เป็นเพียงวิธี ดูรถมือสอง เบื้องต้นที่พอจะช่วยให้เช็คสภาพรถด้วยตัวเอง แต่ถ้าอยากได้รถมือสองที่เช็คประวัติและที่มาที่ไปมาอย่างพิถีพิถัน มั่นใจไม่เคยชนหนัก ไม่กรอไมล์ ไม่จมน้ำ ไม่ย้อมแมวขาย และผ่านการตรวจเช็คสภาพมาแล้วกว่า 150 จุดโดยผู้เชี่ยวชาญฯ อย่างพิถีพิถัน รถทุกคันเราเป็นเจ้าของต้อง Cars24 เท่านั้น
สำหรับใครที่อยากซื้อ-ขาย-เทิร์น จบในที่เดียว CARS24 พร้อมให้บริการและมีรถมือสองให้เลือกกว่า 1,000 คัน จะเลือกซื้อหรือขายรถผ่านเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ที่ App Store และ Google Play สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.02 028 7428 ติดต่อได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-18.00 น.
