8 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในคลาสแห่งปี เลือกรถถูกใจ ราคาสบายกระเป๋า!
อีกไม่นานก็สิ้นปีแล้ว เชื่อว่าคงมีใครหลายคนกำลังวางแผนที่จะออกรถยนต์คันใหม่หลังได้โบนัสประจำปี แต่ด้วยเศรษฐกิจยุค COVID-19 ที่อาจยังไม่สู้ดีเท่าไหร่ ราคาของรถยนต์จึงยังเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงกันอยู่ CARS24 อยากแนะนำให้คุณรู้จัก 8 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในคลาสแห่งปี มาดูกันว่า ตัวเลือกรถยนต์ในแต่ละเซกเมนท์นั้น โมเดลไหนของค่ายใด คือรถที่มีราคาย่อมเยาว์ เป็นมิตรต่อสุขภาพกระเป๋าสตางค์ที่สุดกันบ้าง ?
** ราคาอ้างอิงเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 รูปประกอบเป็นเพียงโมเดลที่ใกล้กัน **
1. Eco Car: Suzuki Celerio 1.0 GA MT: 318,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หากจะพูดถึงรถยนต์ราคาถูกที่สุดในกลุ่ม ‘อีโค่คาร์’ (A-Segment) และราคาถูกที่สุดของรถใหม่ป้ายแดง ก็ต้องคันนี้ ‘Suzuki Celerio’ รถยนต์ใหม่ป้ายแดงราคาประมาณ 3 แสนบาท+ ที่มีลมหายใจอยู่จริงไม่อิงนิยาย รถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ 68 แรงม้า เน้นความประหยัดน้ำมันขั้นสุด แม้ออปชั่นจะมีน้อยแต่ก็มีนะ เอาเป็นว่า ฝนตกขับรถไปทำงานได้ไม่เปียกต้องคันนี้เลย รับประกันความดีงาม หาที่จอดง่ายไม่ต้องวุ่นวายหรือกังวลเวลาขับรถในซอยแคบ ๆ ของกรุงเทพฯ เรียกว่า ขับรถคันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก็สะดวกสบายหายห่วง
2. C-Segment: Toyota Altis Limo: 839,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หลายคนอาจจะมองว่า นี่เป็นสเป็ครถที่นิยมนำมาทำเป็น ‘รถแท็กซี่’ แต่ถ้าภาพลักษณ์ของมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะแคร์สักเท่าไร Toyota Corolla Altis Limo จะช่วยคุณประหยัดเงินไปได้มากพอสมควร ด้วยออปชั่นที่น้อย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มันอาจจะไม่ได้ให้ความหวือหวาเท่าไหร่ในด้านความรู้สึกเวลาขับขี่บนท้องถนน แต่ก็ทำให้คุณได้รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ สะดวกในการใช้งาน ในราคาที่โคตรคุ้มค่า แต่ถ้าคุณอยากจะเน้นออปชั่นอีกสักหน่อย แนะนำให้เล่นรุ่น 1.6 G ราคาก็จะอัพมากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่ก็ยังคุ้มค่าอยู่นะ
3. D-Segment: Toyota Camry 2.5 Sport: 1,475,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
พูดถึงรถยนต์ซีดานกันบ้าง ณ ปัจจุบันรถราคาถูกที่สุดในกลุ่มนี้เป็นของ Toyota Camry รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมรุ่นย่อยใหม่หรือที่เรียกว่า 2.5 SPORT ให้ความแตกต่างด้วยการทอนออปชั่นลงค่อนข้างเยอะ มาพร้อมล้อขอบ 17 นิ้ว แต่ที่เด็ดคือคุณได้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร กำลังขับสูงสุด 209 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 8 สปีด จะว่าไปรถรุ่นนี้ก็คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย แม้ว่าดีไซน์ภายนอกอาจจะขาดความงามและออปชั่นด้านความปลอดภัยไปบ้างก็ตามที แต่ก็ถือว่ารับได้ อย่าลืมว่ารถราคานี้ คุณได้เครื่องยนต์ 209 แรงม้า (ซึ่งมากกว่าคู่แข่ง) แต่ก็ค่อนข้างซดน้ำมันอยู่สักหน่อย หากคุณเน้นขับใช้งานในเมืองเป็นหลัก อันนี้ต้องพิจารณาดูสักหน่อยนะครับ
4. B-Cross Over: MG ZS 1.5L C+: 689,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ถ้าคิดจะเล่นรถยนต์อเนกประสงค์หรือ SUV ราคาถูกที่สุดก็จะเป็นเจ้า MG ZS รุ่น C+ ที่มีราคาจำหน่ายไม่ถึง 7 แสนบาท เรียกว่าราคาถูกกว่าอีโค่คาร์จากประเทศญี่ปุ่นด้วยซ้ำ จุดขายของรถยนต์รุ่นนี้ คือรถที่ดีไซน์สวยน่าใช้งานทั้งภายนอกและภายใน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ซึ่งตอบโจทย์คนยุคใหม่ เน้นการใช้งานที่ลงตัวมากขึ้น ด้วยระบบเกียร์ CVT 8 สปีด (ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่) ทำให้รถมีความประหยัดน้ำมัน และตอบสนองดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ยิ่งรุ่นใหม่หน้าตาออกมาดูน่าใช้กว่าเดิมด้วย จึงไม่แปลกที่ MG ZS จะกลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมในปัจจุบัน
5. Compact Crossover: MG HS Turbo C: 919,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ขยับขึ้นมาจากรถยนต์รุ่นเล็กสู่รถรุ่นกลางราคาประหยัดในกลุ่ม Compact Crossover และรถที่ถูกที่สุดในกลุ่มนี้ก็ยังเป็น MG HS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เน้นความสนุกและเร้าใจในการขับ ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในตลาดกลุ่มนี้ (ที่ยังขายในปัจจุบัน) จุดขายของ MG HS คือการออกแบบที่ลงตัวและเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูงพอสมควร ถือเป็นเครื่องยนต์ที่จัดจ้านมากทีเดียว ถึงแม้ในความเป็นจริงเครื่องยนต์จะไม่ค่อยประหยัดน้ำมันเท่าไร อัตราซดน้ำมันประมาณ 11 ก.ม./ ลิตร ในความเห็นส่วนตัว มองว่า รถรุ่นนี้ทำราคาออกมาได้ต่ำพอสมควร ราคาเดียวกันนี้คุณยังไม่สามารถซื้อรถกลุ่มเดียวกัน จากค่ายญี่ปุ่นได้เลยสักรุ่นเดียว
6. PPV: Isuzu MU-X 1.9 ACTIVE AT: 1,119,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ตลาดรถยนต์ PPV ราคาถูกที่สุดในปัจจุบันคือ Isuzu MU-X รุ่น Active ตัวเริ่มต้นที่ให้รายละเอียดการออกแบบเน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร 150 แรงม้า เรียกว่าเป็นรถที่ไม่ได้แรงมาก เนื่องจากรถมีขนาดใหญ่จึงค่อนข้างอืดพอสมควรเวลาใช้งานจริง อัตราเร่งไม่ค่อยหวือหวา คนซื้อรุ่นนี้ส่วนใหญ่จึงนิยมนำรถไปแต่งเพิ่มนั่นเอง อีซูซุเข็นรถรุ่นนี้ออกมาเอาใจสายแต่งรถโดยเฉพาะ ซึ่งเอาตามจริงซื้อวันนี้ยังมีส่วนลดจนราคาเหลือจริง ๆ แค่ล้านต้น ๆ เท่านั้นเอง
7.กระบะตอนเดียว: Mitsubishi Triton Single Cab 2.5 GL 5MT: 539,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ในส่วนของรถกระบะที่คุ้มค่าที่สุด สำหรับคนทำธุรกิจส่วนตัวและเน้นรถขนของในราคาประหยัดที่สุด ขอแนะนำ Mitsubishi Triton รถคันนี้ออกแบบเพื่อมาตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างลงตัว ด้วยเครื่องยนต์ 4D56 สุดยอดพลังแห่งความทนทาน มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถึงกำลังวังชาจะน้อยไปสักนิด แค่ 128 แรงม้าเท่านั้น ทว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าพอเพียงแล้วครับ
8. กระบะ 4 ประตู 4x4 : Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GLS 6MT : 945,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หากคุณคิดว่า รถกระบะขับสองยกสูงนั้นยังไม่เพียงพอ คุณต้องการความสามารถในการขับลุยแบบจริงจัง Mitsubishi Triton 4X4 คือรถที่คุณควรจะเลือกคบ เพราะเป็นรถสำหรับสายลุยในราคาคุ้มค่ามาพร้อมเครืองยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร แม้ว่ากำลังอาจไม่หวือหวาเท่าไรเพียง 181 แรงม้า และให้แรงบิดเพียง 430 นิวตันเมตร แต่รถคันนี้มีข้อดีอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนแบบ Super Select 4WD ให้มาเป็นออปชั่นเอาใจลูกค้า ความสามารถของระบบขับเคลื่อนของมิตซูบิชิไม่เป็นสองรองใครในตลาดปัจจุบันอยู่แล้ว มันเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถขับลุยได้ทุกสนามและขับดีในทางออฟโรดด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 8 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในแต่ละคลาสแห่งปี 2021 ตอบโจทย์ทุกเซกเม้นท์ในราคาสบายกระเป๋า หากคุณอยากได้รถมือสองในราคาคุ้มค่า คัดพิเศษเกรด A ผ่านการตรวจเช็คสภาพถึง 150 จุดโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีสุดล้ำ CARS24 ในฐานะ “เพื่อนรู้ใจ” พร้อมให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
อีกไม่นานก็สิ้นปีแล้ว เชื่อว่าคงมีใครหลายคนกำลังวางแผนที่จะออกรถยนต์คันใหม่หลังได้โบนัสประจำปี แต่ด้วยเศรษฐกิจยุค COVID-19 ที่อาจยังไม่สู้ดีเท่าไหร่ ราคาของรถยนต์จึงยังเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงกันอยู่ CARS24 อยากแนะนำให้คุณรู้จัก 8 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในคลาสแห่งปี มาดูกันว่า ตัวเลือกรถยนต์ในแต่ละเซกเมนท์นั้น โมเดลไหนของค่ายใด คือรถที่มีราคาย่อมเยาว์ เป็นมิตรต่อสุขภาพกระเป๋าสตางค์ที่สุดกันบ้าง ?
** ราคาอ้างอิงเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 รูปประกอบเป็นเพียงโมเดลที่ใกล้กัน **
1. Eco Car: Suzuki Celerio 1.0 GA MT: 318,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หากจะพูดถึงรถยนต์ราคาถูกที่สุดในกลุ่ม ‘อีโค่คาร์’ (A-Segment) และราคาถูกที่สุดของรถใหม่ป้ายแดง ก็ต้องคันนี้ ‘Suzuki Celerio’ รถยนต์ใหม่ป้ายแดงราคาประมาณ 3 แสนบาท+ ที่มีลมหายใจอยู่จริงไม่อิงนิยาย รถคันนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ 3 สูบ 68 แรงม้า เน้นความประหยัดน้ำมันขั้นสุด แม้ออปชั่นจะมีน้อยแต่ก็มีนะ เอาเป็นว่า ฝนตกขับรถไปทำงานได้ไม่เปียกต้องคันนี้เลย รับประกันความดีงาม หาที่จอดง่ายไม่ต้องวุ่นวายหรือกังวลเวลาขับรถในซอยแคบ ๆ ของกรุงเทพฯ เรียกว่า ขับรถคันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนก็สะดวกสบายหายห่วง
2. C-Segment: Toyota Altis Limo: 839,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หลายคนอาจจะมองว่า นี่เป็นสเป็ครถที่นิยมนำมาทำเป็น ‘รถแท็กซี่’ แต่ถ้าภาพลักษณ์ของมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะแคร์สักเท่าไร Toyota Corolla Altis Limo จะช่วยคุณประหยัดเงินไปได้มากพอสมควร ด้วยออปชั่นที่น้อย มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร มันอาจจะไม่ได้ให้ความหวือหวาเท่าไหร่ในด้านความรู้สึกเวลาขับขี่บนท้องถนน แต่ก็ทำให้คุณได้รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ สะดวกในการใช้งาน ในราคาที่โคตรคุ้มค่า แต่ถ้าคุณอยากจะเน้นออปชั่นอีกสักหน่อย แนะนำให้เล่นรุ่น 1.6 G ราคาก็จะอัพมากกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่ก็ยังคุ้มค่าอยู่นะ
3. D-Segment: Toyota Camry 2.5 Sport: 1,475,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
พูดถึงรถยนต์ซีดานกันบ้าง ณ ปัจจุบันรถราคาถูกที่สุดในกลุ่มนี้เป็นของ Toyota Camry รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมรุ่นย่อยใหม่หรือที่เรียกว่า 2.5 SPORT ให้ความแตกต่างด้วยการทอนออปชั่นลงค่อนข้างเยอะ มาพร้อมล้อขอบ 17 นิ้ว แต่ที่เด็ดคือคุณได้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร กำลังขับสูงสุด 209 แรงม้า พร้อมเกียร์ออโต้ 8 สปีด จะว่าไปรถรุ่นนี้ก็คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย แม้ว่าดีไซน์ภายนอกอาจจะขาดความงามและออปชั่นด้านความปลอดภัยไปบ้างก็ตามที แต่ก็ถือว่ารับได้ อย่าลืมว่ารถราคานี้ คุณได้เครื่องยนต์ 209 แรงม้า (ซึ่งมากกว่าคู่แข่ง) แต่ก็ค่อนข้างซดน้ำมันอยู่สักหน่อย หากคุณเน้นขับใช้งานในเมืองเป็นหลัก อันนี้ต้องพิจารณาดูสักหน่อยนะครับ
4. B-Cross Over: MG ZS 1.5L C+: 689,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ถ้าคิดจะเล่นรถยนต์อเนกประสงค์หรือ SUV ราคาถูกที่สุดก็จะเป็นเจ้า MG ZS รุ่น C+ ที่มีราคาจำหน่ายไม่ถึง 7 แสนบาท เรียกว่าราคาถูกกว่าอีโค่คาร์จากประเทศญี่ปุ่นด้วยซ้ำ จุดขายของรถยนต์รุ่นนี้ คือรถที่ดีไซน์สวยน่าใช้งานทั้งภายนอกและภายใน ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ซึ่งตอบโจทย์คนยุคใหม่ เน้นการใช้งานที่ลงตัวมากขึ้น ด้วยระบบเกียร์ CVT 8 สปีด (ที่เพิ่งปรับปรุงใหม่) ทำให้รถมีความประหยัดน้ำมัน และตอบสนองดีขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ยิ่งรุ่นใหม่หน้าตาออกมาดูน่าใช้กว่าเดิมด้วย จึงไม่แปลกที่ MG ZS จะกลายเป็นรถยนต์ยอดนิยมในปัจจุบัน
5. Compact Crossover: MG HS Turbo C: 919,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ขยับขึ้นมาจากรถยนต์รุ่นเล็กสู่รถรุ่นกลางราคาประหยัดในกลุ่ม Compact Crossover และรถที่ถูกที่สุดในกลุ่มนี้ก็ยังเป็น MG HS ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ เน้นความสนุกและเร้าใจในการขับ ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ที่เล็กที่สุดในตลาดกลุ่มนี้ (ที่ยังขายในปัจจุบัน) จุดขายของ MG HS คือการออกแบบที่ลงตัวและเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะค่อนข้างสูงพอสมควร ถือเป็นเครื่องยนต์ที่จัดจ้านมากทีเดียว ถึงแม้ในความเป็นจริงเครื่องยนต์จะไม่ค่อยประหยัดน้ำมันเท่าไร อัตราซดน้ำมันประมาณ 11 ก.ม./ ลิตร ในความเห็นส่วนตัว มองว่า รถรุ่นนี้ทำราคาออกมาได้ต่ำพอสมควร ราคาเดียวกันนี้คุณยังไม่สามารถซื้อรถกลุ่มเดียวกัน จากค่ายญี่ปุ่นได้เลยสักรุ่นเดียว
6. PPV: Isuzu MU-X 1.9 ACTIVE AT: 1,119,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ตลาดรถยนต์ PPV ราคาถูกที่สุดในปัจจุบันคือ Isuzu MU-X รุ่น Active ตัวเริ่มต้นที่ให้รายละเอียดการออกแบบเน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร 150 แรงม้า เรียกว่าเป็นรถที่ไม่ได้แรงมาก เนื่องจากรถมีขนาดใหญ่จึงค่อนข้างอืดพอสมควรเวลาใช้งานจริง อัตราเร่งไม่ค่อยหวือหวา คนซื้อรุ่นนี้ส่วนใหญ่จึงนิยมนำรถไปแต่งเพิ่มนั่นเอง อีซูซุเข็นรถรุ่นนี้ออกมาเอาใจสายแต่งรถโดยเฉพาะ ซึ่งเอาตามจริงซื้อวันนี้ยังมีส่วนลดจนราคาเหลือจริง ๆ แค่ล้านต้น ๆ เท่านั้นเอง
7.กระบะตอนเดียว: Mitsubishi Triton Single Cab 2.5 GL 5MT: 539,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
ในส่วนของรถกระบะที่คุ้มค่าที่สุด สำหรับคนทำธุรกิจส่วนตัวและเน้นรถขนของในราคาประหยัดที่สุด ขอแนะนำ Mitsubishi Triton รถคันนี้ออกแบบเพื่อมาตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างลงตัว ด้วยเครื่องยนต์ 4D56 สุดยอดพลังแห่งความทนทาน มาพร้อมเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ถึงกำลังวังชาจะน้อยไปสักนิด แค่ 128 แรงม้าเท่านั้น ทว่าเมื่อเทียบกับการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าพอเพียงแล้วครับ
8. กระบะ 4 ประตู 4x4 : Mitsubishi Triton Double Cab 4WD 2.4 GLS 6MT : 945,000 บาท (ราคาเริ่มต้น)
หากคุณคิดว่า รถกระบะขับสองยกสูงนั้นยังไม่เพียงพอ คุณต้องการความสามารถในการขับลุยแบบจริงจัง Mitsubishi Triton 4X4 คือรถที่คุณควรจะเลือกคบ เพราะเป็นรถสำหรับสายลุยในราคาคุ้มค่ามาพร้อมเครืองยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร แม้ว่ากำลังอาจไม่หวือหวาเท่าไรเพียง 181 แรงม้า และให้แรงบิดเพียง 430 นิวตันเมตร แต่รถคันนี้มีข้อดีอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนแบบ Super Select 4WD ให้มาเป็นออปชั่นเอาใจลูกค้า ความสามารถของระบบขับเคลื่อนของมิตซูบิชิไม่เป็นสองรองใครในตลาดปัจจุบันอยู่แล้ว มันเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถขับลุยได้ทุกสนามและขับดีในทางออฟโรดด้วย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 8 อันดับรถยนต์ถูกที่สุดในแต่ละคลาสแห่งปี 2021 ตอบโจทย์ทุกเซกเม้นท์ในราคาสบายกระเป๋า หากคุณอยากได้รถมือสองในราคาคุ้มค่า คัดพิเศษเกรด A ผ่านการตรวจเช็คสภาพถึง 150 จุดโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีสุดล้ำ CARS24 ในฐานะ “เพื่อนรู้ใจ” พร้อมให้คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคุณ